วันนี้ (30 เมษายน) พ.ต.อ. เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีไซยาไนด์ว่า เบื้องต้นจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้เสียหายอันต้องสงสัยว่า สรารัตน์ รังสิวุฒาพรณ์ หรือ แอม เป็นผู้กระทำมีจำนวน 15 ราย เสียชีวิต 14 ราย และรอดชีวิต 1 ราย
ขณะนี้เป็นคดีความแล้ว 10 คดี โดยมี 3 คดีที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนมีพยานหลักฐานแน่นหนาพอจนทำให้สามารถออกหมายจับได้ ประกอบด้วยคดีของศิริพร หรือ ก้อย, คดีของ พ.ต.ต.หญิง นิภา หรือ สารวัตรปู และคดีของรจรินทร์ หรือ เจ๊น้อย
ส่วนที่เหลือพนักงานสอบสวนในพื้นที่เกิดเหตุอยู่ระหว่างแสวงหาพยานหลักฐาน เช่น กรณีของแด้ อดีตสามีของแอมที่เสียชีวิตในจังหวัดอุดรธานี และคดีของมณฑาทิพย์ หรือ ทราย อายุ 37 ปี ที่เสียชีวิตเนื่องจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2558 หลังจากพบแอมซึ่งเดินทางไปรับที่สนามบิน
โดยการออกหมายจับแต่ละคดีนั้นเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของสถานีตำรวจท้องที่ ซึ่งทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีนโยบายที่จะรวมคดีเพื่อให้ทำงานง่ายขึ้น แต่ในขณะนี้แบ่งอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้เป็นของสถานีตำรวจท้องที่ไปก่อนเพื่อหาข้อมูลให้หนาแน่น
พ.ต.อ. เอนกกล่าวยืนยันว่าตำรวจทำงานต่อเนื่องทุกวัน ซึ่งคดีนี้มีความคืบหน้าไปแล้ว 80% แต่ยังไม่มีกำหนดเวลาว่าจะสรุปสำนวนคดีเมื่อใด เพราะต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุมรอบคอบ เนื่องจากเป็นคดีที่กระทบต่อความรู้สึกของญาติผู้เสียชีวิต และประชาชนให้ความสนใจ
สำหรับวันนี้มีการเรียกสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องกับคดี ได้แก่ คนสนิทของแอม, บุคคลที่เคยพูดคุยกับแอม, กอล์ฟ ลูกน้องสามีเก่า, กลุ่มวัยรุ่นจากกรณีรับฝากถุงดำ รวมถึงกลุ่มญาติของก้อย ซึ่งจะสอบสวนในส่วนเส้นทางการเงินของก้อย
สำหรับคดีของก้อย เรื่องการออกหมายจับบุคคลอื่น พ.ต.อ. เอนกยืนยันว่ายังไม่มีการออกหมายจับบุคคลอื่น เนื่องจากยังไม่พบผู้ร่วมกระทำผิดหรือสนับสนุน เพราะพฤติการณ์ของแอมจะใช้อุบายในการสนิทสนมจนใกล้ชิด ไว้วางใจ นัดหมายกินข้าว ดื่มกาแฟ และไปไหว้พระทำบุญ เหมือนเป็นแผนประทุษกรรม ซึ่งเป็นการก่อเหตุอาชญากรรมที่สามารถทำคนเดียวได้
ส่วนอดีตสามีของแอม หลังมีการเรียกสอบปากคำไปแล้ว เจ้าตัวยังยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด รวมถึงไม่รู้เห็นเรื่องการเงิน บอกเพียงว่าอยู่กินแบบสามีภรรยาจริง เบื้องต้นยังไม่พบเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงกับแอม