ข้อมูลเบื้องต้นจากองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ หรือ NOAA เปิดเผยว่า อุณหภูมิผิวน้ำทะเลเฉลี่ยทั่วโลกพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ที่มีการสำรวจมาที่ 21.1 องศาเซลเซียสนับตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน 2023
ตัวเลขดังกล่าวทำลายสถิติเก่าที่ 21 องศาเซลเซียสในปี 2016 ซึ่งอุณหภูมิที่สูงขึ้นนี้ทำให้เกิดคลื่นความร้อนในทะเลทั่วโลก โดย ศ.แมทธิว อิงแลนด์ นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศแห่งมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า หากประเมินจากสถานการณ์ในปัจจุบันดูเหมือนว่า อุณหภูมิผิวน้ำทะเลบนโลกของเรามีแนวโน้มสูงขึ้นอีกเรื่อยๆ
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ปรากฏการณ์ลานีญาครั้งล่าสุดซึ่งกินเวลาติดต่อกันถึง 3 ปีนั้น มีส่วนช่วยในการทำให้อุณหภูมิของผิวน้ำทะเลลดลงในช่วงก่อนหน้านี้ แต่ปัจจุบันโลกกำลังเตรียมเข้าสู่ภาวะเอลนีโญ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว รวมถึงทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มสูงขึ้นด้วย
จากการสำรวจด้วยดาวเทียมของ NOAA พบว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญระหว่างปี 2014-2016 เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่อุณหภูมิเฉลี่ยของมหาสมุทรทั่วโลกร้อนมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์
อนึ่ง ข้อมูลจาก NASA ระบุว่า ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ทะเลโลกดูดซับความร้อนส่วนเกินถึง 90% ที่เกิดจากก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นจากการทำกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ ซึ่งการที่อุณหภูมิของน้ำทะเลร้อนขึ้นจะส่งผลกระทบต่ออีกหลายเหตุการณ์เป็นห่วงโซ่ ไม่ว่าจะเป็นพายุที่มีกำลังรุนแรงขึ้นกว่าเดิม น้ำแข็งในทะเลเสี่ยงละลายตัวหนัก จนทำให้โลกอาจมีระดับน้ำทะเลสูงขึ้น
นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อสภาพความเป็นอยู่ของสัตว์ทะเลด้วย โดยรายงานระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่สัตว์ทะเลทุกสปีชีส์ราว 1 ใน 3 ของโลกอาจล้มหายตายจากเราไปหมดภายในระยะเวลา 300 ปี
แฟ้มภาพ: Wonderful Nature Via Shutterstock
อ้างอิง: