กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันและพันธมิตร (OPEC+) คาดว่าจะคงนโยบายการผลิตต่างๆ ไว้ไม่เปลี่ยนแปลงในการประชุมที่จะเกิดขึ้นในวันจันทร์นี้ (3 เมษายน) หลังจากวิกฤตในภาคธนาคารเมื่อเดือนมีนาคมฉุดราคาน้ำมันดิบเบรนท์แตะระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือน หรือใกล้ระดับ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าซาอุดีอาระเบียและพันธมิตรอาจเข้าแทรกแซงด้วยการลดกำลังการผลิตรอบใหม่เพื่อหนุนตลาด แม้ก่อนหน้านี้ OPEC+ ได้ส่งสัญญาณมาตลอดว่ายึดนโยบายเดิมต่อไปจนถึงสิ้นปี หลังซาอุดิอาระเบียได้กล่าวว่าพันธมิตร 23 ชาติควรรักษาระดับผลผลิตให้คงที่ตลอดทั้งปี
โดยเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ได้ปรับขึ้นใกล้ระดับ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแล้ว เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการติดเชื้อทางการเงิน (Financial Contagion) กำลังลดลง ความต้องการใช้น้ำมันของจีนที่ฟื้นตัวอีกครั้ง และแรงกดดันต่อผลผลิตของรัสเซีย
โดยความเชื่อมั่นผู้เชี่ยวชาญหลายคนในอุตสาหกรรมเมื่อต้นปีที่ว่าราคาน้ำมันปีนี้จะกลับไปที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้พังทลายลง เนื่องจากรัสเซียได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าสามารถต้านทานการคว่ำบาตรจากนานาชาติได้ และดูเหมือนว่าอุปทานทั่วโลกจะเกินดุลในไตรมาสนี้ ท่ามกลางคาดการณ์การเติบโตของ GDP จีนในระดับที่ไม่สูงมาก (Modest) ที่ 5%
Helima Croft หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของ RBC Capital Markets LLC กล่าวว่า ผู้นำกลุ่ม OPEC มีแนวโน้มสูงที่จะตัดสินใจว่าจะคงนโยบายต่างๆ และไม่เพิ่มหรือลดกำลังการผลิตน้ำมัน อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดว่า OPEC+ จะคงนโยบายเดิมไปจนถึงสิ้นปี หากราคาน้ำมันยังเคลื่อนตัวลงต่อเนื่อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เปิด 5 เหตุผล ทำไมจีนเปิดประเทศแล้ว แต่ตลาดน้ำมันโลกยังนิ่ง
- ‘บีซีพีจี’ ทุ่ม 9 พันล้านบาท ฮุบธุรกิจ ‘คลังน้ำมันและท่าเรือ’ เปิดทางสู่ธุรกิจ ‘โครงสร้างพื้นฐาน’ ระบุมีกระแสเงินสดพร้อมลงทุน ไร้แผนเพิ่มทุน
- สะพัด ‘บางจาก’ ทุ่ม 5 หมื่นล้านบาท ปิดดีลเทกโอเวอร์ ESSO จ่อชงบอร์ด 9 ม.ค. 66 ต่อยอดธุรกิจ Jet Fuel ปูทางขายน้ำมันเข้าสนามบินทั่วประเทศ
อ้างอิง: