จากกรณีมีกลุ่มแฮกเกอร์ที่ใช้ชื่อว่า 9Near ประกาศว่ามีข้อมูลส่วนตัวคนไทย 55 ล้านคน ซึ่งมีทั้งเลขบัตรประชาชน 13 หลัก วัน-เดือน-ปีเกิด ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ พร้อมประกาศขายข้อมูลเป็นสกุลเงิน Bitcoin
ล่าสุด สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ชี้แจงกรณีข่าวข้อมูลประชาชนรั่วไหลว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับศูนย์ประสานงานด้านความมั่นคงปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศภาคการธนาคาร (TB-CERT) ภายใต้สมาคมธนาคารไทย (TBA) ในการตรวจสอบระบบของธนาคารแล้ว ไม่พบข้อมูลรั่วไหลจากธนาคาร
นอกจากนี้ ข้อมูลที่รั่วไหลออกไปดังกล่าวไม่สามารถนำไปใช้ทำธุรกรรมทางการเงินผ่าน Mobile Banking ได้ เนื่องจากยังต้องใช้เครื่องโทรศัพท์มือถือของผู้ใช้บริการ ซึ่งต้องมีรหัสส่วนตัวในการเข้าใช้ รวมทั้งจะต้องยืนยันตัวตนอีกครั้งในการทำธุรกรรม
ทั้งนี้ สถาบันการเงิน (สง.) มีระบบป้องกันข้อมูลของลูกค้าอย่างเข้มงวด และมีระบบตรวจจับความผิดปกติ เพื่อให้การให้บริการทางการเงินมีความมั่นคงปลอดภัย ซึ่งล่าสุดสถาบันการเงินได้ยกระดับการเฝ้าระวังและติดตามเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน ธปท. ได้เน้นย้ำให้สถาบันการเงินทุกแห่งดำเนินการตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 อย่างเคร่งครัด โดยหากตรวจสอบและพิสูจน์พบว่าเป็นความผิดพลาดหรือข้อบกพร่องของ สง. ให้ สง. ต้องพิจารณาช่วยเหลือและดูแลความเสียหายให้กับผู้ใช้บริการโดยเร็ว
อย่างไรก็ดี เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อภัยการเงิน ประชาชนสามารถปฏิบัติตนเพื่อป้องกันภัยเบื้องต้นได้ดังนี้
- ระมัดระวังมิจฉาชีพที่อาจใช้ข้อมูลที่รั่วไหลออกไป เช่น หมายเลขบัตรประชาชน หรือที่อยู่ ในการหลอกลวงให้ทำธุรกรรมทางการเงิน
- หลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงินกับบุคคลอื่นผ่านโทรศัพท์ โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ หรืออีเมล ที่ไม่น่าเชื่อถือ
- หากถูกหลอกลวงในการให้ข้อมูลส่วนตัว หรือพบความผิดปกติของการทำธุรกรรม ให้เปลี่ยนรหัสผ่าน Mobile Banking ทันที และติดต่อธนาคารที่ใช้บริการผ่านช่องทาง Hotline โดยเร็วที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- นักต้มตุ๋นเติบโต! Whoscall เผยรายงานปี 2564 ยอดโทรศัพท์หลอกลวงในไทยพุ่งสูงขึ้น 270% ขณะที่ข้อความหลอกลวงเพิ่มสูงขึ้น 57%
- AIS เดินหน้าชนมิจฉาชีพ เปิดสายด่วนโทรฟรี 1185 รับแจ้งเบาะแสก่อนจะสืบสวน และส่งต่อตำรวจไซเบอร์ เพื่อดำเนินการทางกฎหมาย
- ‘สมาคมธนาคารไทย’ เผยแอปดูดเงินสร้างความเสียหายแล้ว 500 ล้านบาท ชี้เหยื่อ 100% ใช้ระบบ Android เชื่อ Biometric ลดผลกระทบได้