วันนี้ (29 มีนาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังกระทรวงสาธารณสุขมีคำสั่งให้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข ในการเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข รับมือการรักษาประชาชนที่เจ็บป่วยจากผลกระทบปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ตนจึงอยากให้ประชาชนมั่นใจในการรักษาผู้ป่วยดังกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่เปิดเผยข้อมูลว่า สถานการณ์ที่โรงพยาบาลบางแห่งรองรับผู้ป่วยไม่ไหวแล้วนั้น อนุทินกล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตสุขภาพที่รองรับผู้ป่วยเดิมอยู่แล้ว แต่ไม่อยากให้ประชาชนกังวลเพราะในพื้นที่มีหลายโรงพยาบาล ซึ่งมีวิธีการบริหารจัดการส่งต่อรักษาผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลหลัก รวมถึงโรงพยาบาลประจำอำเภอและโรงพยาบาลประจำตำบล ซึ่งปัญหาดังกล่าวได้มีการพูดคุยหารือกับปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้เตรียมการรองรับปัญหา ดูแลผู้ป่วยที่อาจจะเพิ่มขึ้นจากการได้รับผลกระทบจากหมอกควันและฝุ่นพิษ ซึ่งทางคณะปลัดสาธารณสุขก็ได้ลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวว่า มีบางโรงพยาบาลในพื้นที่เปิดรับบริจาคเครื่องฟอกอากาศเพิ่มเติม อนุทินกล่าวว่า ตนยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุขมีเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็นเพียงพอต่อการรักษาผู้ป่วย แต่เข้าใจว่าบางโรงพยาบาลที่มีมูลนิธิ มีชมรมต่างๆ ซึ่งประชาชนอยากร่วมบริจาคให้แต่ละโรงพยาบาลก็ยินดี แต่ไม่ใช่เจตนารมณ์ของโรงพยาบาลและกระทรวงสาธารณสุขอย่างแน่นอน เพราะเครื่องมือดังกล่าวเพียงพอ
อนุทินกล่าวยืนยันด้วยว่า ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข แต่คาดว่าเป็นหน้าที่ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ที่ต้องพิจารณาโดยตรง แม้จะไม่ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ กระทรวงสาธารณสุขก็จะเตรียมความพร้อมรักษาผู้ป่วย ซึ่งอาจจะได้รับผลกระทบจากฝุ่นพิษดังกล่าว