ยังคงอยู่ในความสนใจและถูกจับตาจากประชาชนเป็นพิเศษ สำหรับคดีที่ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 4 คน ล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี
ตลอดห้วงเวลาในการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมทั้งฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ล้วนมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์และคำถามที่ตามมาในระหว่างทางหลายเรื่อง
โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่นายเปรมชัยยื่นหนังสือขออนุญาตเดินทางไปต่างประเทศ โดยประเทศปลายทางคือ ‘บังกลาเทศ’ ออกออกเดินทางเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ด้วยเครื่องบินส่วนตัว พร้อมแจ้งกำหนดกลับไทยในวันที่ 11 มีนาคมนี้ เวลา 17.30 น.
สำหรับการเดินทางครั้งนี้ นายเปรมชัยสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้เนื่องจากศาลได้ให้ประกันตัวโดยไม่มีเงื่อนไข แต่ต้องเดินทางไปรายงานตัวต่อศาลอีกครั้งในวันที่ 26 มีนาคม
ขณะเดียวกันก็มีการตั้งข้อสังเกตว่านายเปรมชัยจะเดินทางกลับมาหรือไม่ และหากไม่เดินทางกลับมา ตำรวจจะต้องตอบคำถามและรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว
ล่าสุด พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีนี้ว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้รายงานแจ้งเมื่อวันที่ 11 มีนาคมว่านายเปรมชัยเดินทางกลับจากบังกลาเทศถึงประเทศไทยเมื่อเวลา 17.30 น. โดยเที่ยวบิน HSLNG มีผู้โดยสารทั้งหมด 3 รายคือ นายเปรมชัย กรรณสูต, นายธรณิศ กรรณสูต และนายมงคล สุวคันธ์ ส่วนอีกหนึ่งรายที่ไม่ได้กลับมาด้วยคือ นายวิเชียร รุ่งรุจิรัตน์ ซึ่งเป็นช่างอยู่ทำงานต่อที่บังกลาเทศ
อีกความเคลื่อนไหวที่ร้อนแรงไม่แพ้กันก็คือกรณีโซเชียลมีเดียและประชาชนได้แสดงความคิดเห็นต่อการทำงานของพลตำรวจเอก ศรีวราห์ ในการสืบสวนคดีนี้ โดยมีการเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวและสงสัยในการทำงานในหลายกรณี ซึ่งเรื่องนี้ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า
ขณะนี้ยังไม่เปลี่ยนชุดคณะทำงาน ยังคงให้พลตำรวจเอก ศรีวราห์ เป็นหัวหน้าคณะทำงานอยู่ ซึ่งก็ได้รายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ ส่วนการทำสำนวนคดี เชื่อว่าพลตำรวจเอก ศรีวราห์ สามารถดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้เป็นไปตามพยานหลักฐานที่พบ ไม่มีความกังวลอะไร ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบพิรุธในการทำงาน และหากพลตำรวจเอก ศรีวราห์ จะฟ้องดำเนินคดีกับผู้ที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงก็สามารถทำได้ เพราะเป็นการปกป้องสิทธิส่วนบุคคล
ล่าสุดมีรายงานอีกว่า พลตำรวจตรี กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดและประพฤติมิชอบ (ปปป.) เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำ นายวิเชียรทำให้มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีกับนายเปรมชัยในข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่ได้ โดยพนักงานสอบสวนได้มีหมายเรียกให้มารับทราบข้อหาในวันที่ 14 มีนาคมนี้