เมืองซีอานของจีนจุดกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงบนโซเชียลมีเดีย หลังมีการเปิดเผยว่าทางการอาจพิจารณาใช้มาตรการล็อกดาวน์เมือง หากเกิดการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซีอาน เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของมณฑลฉ่านซี และเป็นสถานที่ตั้งของสุสานจิ๋นซีอันโด่งดัง ได้เปิดเผยแผนการรับมือเหตุฉุกเฉิน ซึ่งรวมถึงการปิดโรงเรียน ธุรกิจห้างร้าน และสถานที่แออัดอื่นๆ ในกรณีที่เกิดการระบาดของไข้หวัดใหญ่อย่างรุนแรง
นั่นทำให้เกิดความวิตกกังวลและความไม่พอใจอย่างรุนแรงในหมู่ชาวเน็ตของจีน ที่หวั่นว่าประชาชนจะถูกจำกัดการใช้ชีวิตเช่นเดียวกับช่วงโควิดระบาด
“ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนสิ แทนที่จะมาสร้างความตื่นตระหนก” ผู้ใช้รายหนึ่งโพสต์ข้อความบน Weibo ซึ่งเทียบได้กับ Twitter เวอร์ชันจีน
“ประชาชนจะไม่ตื่นตระหนกได้อย่างไร ในเมื่อข้อเสนอของซีอานที่จะหยุดการทำงานและกิจกรรมทางธุรกิจนั้นออกมาโดยไม่มีคำสั่งที่ชัดเจนในระดับชาติ เพื่อจำแนกประเภทของโรค” ผู้ใช้อีกรายตั้งคำถาม
แม้ว่าจำนวนผู้ป่วยโควิดในจีนจะลดลง แต่ก็มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วประเทศ และร้านขายยาบางแห่งก็ประสบปัญหาขาดแคลนยารักษาไข้หวัดใหญ่เพื่อตอบสนองความต้องการที่พุ่งสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวระบุว่า ข้อเสนอดังกล่าวเป็นเพียงแผนการรับมือเหตุฉุกเฉินของซีอาน ยังไม่ใช่การบังคับใช้จริง แต่เป็นการวางแผนว่าเมืองซีอานที่มีประชากรเกือบ 13 ล้านคนจะตอบสนองต่อการระบาดในอนาคตอย่างไร โดยพิจารณาจากระดับความรุนแรง 4 ระดับ
ในระดับสูงสุดนั้นข้อเสนอระบุว่า “เมืองสามารถล็อกดาวน์พื้นที่ติดเชื้อ จำกัดการจราจร และระงับการผลิตและกิจกรรมทางธุรกิจ ห้างสรรพสินค้า โรงละคร ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ สถานที่ท่องเที่ยว และสถานที่แออัดอื่นๆ จะปิดให้บริการเช่นกัน
“ในระดับฉุกเฉินนี้โรงเรียนและสถานรับเลี้ยงเด็กทุกระดับจะถูกปิด และต้องรับผิดชอบในการติดตามสภาวะสุขภาพของนักเรียนและทารก”
กระแสต่อต้านดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่รัฐบาลกลางในกรุงปักกิ่งได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จีนจะกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง หลังจากที่เพิ่งยกเลิกข้อจำกัดที่เกี่ยวกับโควิดทั้งหมดไปเมื่อเดือนมกราคม
ตลอดช่วงการระบาดใหญ่ จีนได้บังคับใช้มาตรการควบคุมและป้องกันโควิดที่รุนแรงที่สุดในโลก ซึ่งรวมถึงการปิดเมืองที่ยืดเยื้อหลายเดือนในบางเมือง นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในประเทศท้ายๆ ของโลกที่ยุติมาตรการต่างๆ เช่น การปูพรมตรวจหาเชื้อประชาชนจำนวนมาก และการกำหนดระยะเวลากักตัวที่เข้มงวด แม้มีข้อมูลบ่งชี้ว่ามาตรการเหล่านั้นสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศก็ตาม
เมืองซีอานเองก็อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดในช่วงระหว่างเดือนธันวาคม 2021 – มกราคม 2022 ส่งผลให้ประชาชน 13 ล้านคนถูกกักตัวอยู่แต่ในบ้านเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ขณะที่หลายคนขาดอาหารและเสบียงที่จำเป็น การเข้าถึงบริการทางการแพทย์ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยมีเหตุการณ์หนึ่งที่สร้างความตกตะลึงและโกรธแค้นให้กับคนทั้งประเทศ เมื่อหญิงตั้งครรภ์ใกล้คลอดถูกโรงพยาบาลปฏิเสธในวันปีใหม่ เนื่องจากเธอไม่มีผลตรวจโควิดที่ถูกต้อง จนกระทั่งสุดท้ายแล้วเธอต้องแท้งลูก
ความทรงจำของการถูกกักขังอยู่แต่ในบ้าน และการที่ประชาชนแห่กันแย่งซื้อกักตุนสินค้ายังคงสดใหม่อยู่ในใจของผู้คน ความคิดที่จะกลับไปใช้มาตรการแบบเดียวกับช่วงโควิดจึงกระทบกระเทือนจิตใจประชาชนในประเทศเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม มีผู้เชี่ยวชาญและชาวเน็ตจำนวนหนึ่งออกมาขอให้ชาวเมืองซีอานอย่าเพื่งตื่นตระหนกจนเกินไป
เบน คาวลิง นักระบาดวิทยาจากโรงเรียนสาธารณสุขแห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกง กล่าวว่า เขาเห็นว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีเหตุผล
“ผมคิดว่ามันค่อนข้างมีเหตุผลที่จะทำแผนฉุกเฉิน ผมไม่คิดว่าเราถึงกับต้องปิดเมืองสำหรับไข้หวัด แต่น่าจะมีระดับการตอบสนองที่แตกต่างกัน” เขากล่าว
ขณะที่ผู้ใช้ Weibo รายหนึ่งแสดงความเห็นที่คล้ายกันว่า “มันเป็นเพียงการเปิดเผยข้อเสนอ ไม่ได้จะนำมาใช้ เป็นเรื่องปกติที่จะต้องวางแผนป้องกันล่วงหน้า เนื่องจากไข้หวัดใหญ่ระลอกนี้รุนแรง”
ภาพ: Marica van der Meer / Universal Images Group via Getty Images
อ้างอิง: