เจ้าหน้าที่กองทัพเรือสหรัฐอเมริกาเผยว่า เวลานี้กองทัพเรือของจีนมีความได้เปรียบที่สำคัญเหนือกองทัพเรือสหรัฐฯ ด้วยขนาดกองเรือที่ใหญ่กว่า และมีขีดความสามารถในการต่อเรือที่เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่จีนกำลังแผ่ขยายอิทธิพลทางทะเลอย่างต่อเนื่อง
คาร์ลอส เดล โตโร รัฐมนตรีว่าการทบวงทหารเรือสหรัฐฯ ระบุว่า จีนพยายามที่จะละเมิดอำนาจอธิปไตยทางทะเลและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของชาติต่างๆ รวมถึงพันธมิตรของสหรัฐฯ ในบริเวณทะเลจีนใต้และที่อื่นๆ มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สหรัฐฯ จำเป็นต้องยกระดับประสิทธิภาพกองทัพเรือของตนให้มีจำนวนมากขึ้น และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมรับมือภัยคุกคามทางทะเลนี้ในอนาคต
สหรัฐฯ คาดการณ์ว่า กองทัพเรือของจีนจะมีเรือเข้าประจำการมากถึง 400 ลำในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยในขณะนี้กองเรือสหรัฐฯ มีจำนวนเรือน้อยกว่า 300 ลำ ซึ่งตามแผนการเดินเรือปี 2022 ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ตั้งเป้าหมายเพิ่มเรือประจำการอยู่ที่ 350 ลำภายในปี 2045 แต่ก็ยังถือว่ามีจำนวนน้อยกว่ากองเรือของจีนอยู่มาก
เดล โตโร ยังอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า อู่ต่อเรือของสหรัฐฯ ยังไม่มีความสามารถเทียบได้กับอู่ต่อเรือของจีน เนื่องจากจีนมีอู่ต่อเรือ 13 แห่ง โดยอู่ต่อเรือหนึ่งแห่งของจีนมีความจุมากกว่าอู่ต่อเรือทั้งหมดของสหรัฐฯ รวมกันเสียอีก นอกจากนี้จีนยังมีข้อได้เปรียบด้านจำนวนแรงงาน โดยเดล โตโรระบุว่า จีนมีจำนวนประชากรมาก จำนวนผู้ใช้แรงงานจึงมาก อีกทั้งจีนปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ และไม่มีข้อจำกัดด้านกฎระเบียบหรือแรงกดดันทางเศรษฐกิจเช่นเดียวกับสหรัฐฯ แต่ทางสหรัฐฯ ก็ยังคงมีข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าจีนอยู่บ้าง โดยเฉพาะในมิติของแรงงานมีฝีมือ
อย่างไรก็ตาม เบลก เฮอร์ซิงเกอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายกลาโหมประจำภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกได้แสดงความคิดเห็นต่อคำอธิบายของเดล โตโรว่า การอ้างเรื่องแรงงานของจีนนั้นไม่สมเหตุสมผล เนื่องจากจีนมีกำลังคนจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานไร้ฝีมือ แต่เขากลับระบุว่าจีนใช้แรงงานเหล่านี้ในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขั้นสูงและมีความสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศ ดังนั้นคำอธิบายนี้จึงไม่สมเหตุสมผลและสะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐฯ ให้ความสนใจผิดประเด็น
แฟ้มภาพ: Getty Images
อ้างอิง: