ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวในตุรกีและซีเรียพุ่งทะลุ 41,000 ราย แบ่งเป็นผู้เสียชีวิตในตุรกี 35,3418 ราย และในซีเรีย 5,814 ราย ขณะที่บางหน่วยงานเตรียมยุติการค้นหาแล้ว หลังจากที่ทุ่มสรรพกำลังในการช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ในซากปรักหักพังต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลามากกว่า 1 สัปดาห์ โดยหลังจากนี้หน่วยงานต่างๆ รวมถึงรัฐบาลจะมุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือประชาชนที่รอดชีวิตซึ่งยังขาดแคลนที่อยู่อาศัยและอาหารที่เพียงพอ ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นจัดจนสร้างความทุกข์ทรมานแก่ผู้คน
แม้ระยะเวลาจะผ่านมาถึง 1 สัปดาห์กับอีก 2 วัน แต่ปาฏิหาริย์ยังเกิดขึ้น โดยวานนี้ (14 กุมภาพันธ์) ตุรกีพบผู้รอดชีวิตเพิ่มอีก 9 คน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นพี่ชายและน้องชายอายุ 17 และ 21 ปี ที่เจ้าหน้าที่สามารถดึงตัวออกมาได้จากซากอพาร์ตเมนต์ในจังหวัดคาห์รามานมารัสของตุรกี และชาวซีเรียหญิงและชายซึ่งอาศัยอยู่ที่เมืองอันทาเคียของตุรกี หลังอยู่อย่างไร้น้ำและอาหารนานกว่า 200 ชั่วโมงใต้ซากปรักหักพัง
ด้านประธานาธิบดีเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี ซึ่งก่อนหน้านี้ยอมรับว่าการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนในเบื้องต้นมีปัญหา แต่ก็กลับมาควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ระบุว่า “เรากำลังเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง ไม่เพียงแต่ในประเทศของเราเท่านั้น แต่รวมถึงในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติด้วย”
ด้านเจ้าหน้าที่ขององค์การสหประชาชาติ (UN) ซึ่งเข้ามาร่วมให้ความช่วยเหลือด้วยนั้น กล่าวว่า กระบวนการช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากตามจุดเกิดเหตุต่างๆ นั้นใกล้จะยุติลงแล้ว โดยทางองค์การจะเน้นไปที่การจัดหาความช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัย อาหาร และการให้การศึกษาแก่เด็กๆ
ขณะที่สถานการณ์ในโรงพยาบาลสนามของตุรกีตอนนี้ก็น่าเป็นห่วงเช่นกัน จากเดิมที่ผู้คนได้เดินทางมาเพื่อรักษาแผลบาดเจ็บจากเหตุแผ่นดินไหว แต่ตอนนี้หลายคนมาปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับภาวะ PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อผู้คนได้รับความกระทบกระเทือนต่อสภาพจิตใจอย่างรุนแรง หลังเผชิญเหตุการณ์เลวร้ายเกินกว่าที่จะรับไหว หลายครอบครัวเกิดความวิตกกังวล เนื่องจากลูกหลานของตนเองเริ่มมีอาการป่วยทางจิตหลังเผชิญกับโศกนาฏกรรมที่รุนแรง
ฮัสซัน โมอาซ พ่อของลูกชายวัย 9 ขวบ ระบุว่า ลูกของเขามีอาการผวาทุกครั้งที่ได้ยินเสียงดัง แม้ในขณะหลับ หากมีเสียงดังเกิดขึ้น ลูกชายจะตื่นขึ้นมาตะโกนว่า “พ่อ อาฟเตอร์ช็อกมาแล้ว!”
ภาพ: Muhammed Selim Korkutata / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง: