นิกกี ฮาเลย์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำองค์การสหประชาชาติ (UN) และอดีตผู้ว่าการรัฐเซาท์แคโรไลนา ประกาศลงสมัครเพื่อเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน ลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งครั้งใหญ่ในปี 2024 นี้
ฮาเลย์ทวีตข้อความระบุว่า “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมารั้งรอ แต่เป็นเวลาสำหรับสหรัฐอเมริกาที่เข้มแข็งและน่าภาคภูมิใจ” โดยเธอถือเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งคนสำคัญคนที่ 2 ที่ประกาศชิงตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกัน ต่อจากอดีตหัวหน้าของเธออย่างอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ประกาศจะกลับเข้าสู่เส้นทางการเมืองระดับชาติอีกครั้ง เมื่อช่วงปลายปี 2022 ที่ผ่านมา
โดยเมื่อปี 2021 ฮาเลย์เคยให้สัมภาษณ์ว่า เธอจะไม่ลงสมัครเพื่อชิงตำแหน่งผู้แทนพรรครีพับลิกันแข่งกับทรัมป์ แต่เธอเปลี่ยนใจในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พร้อมทั้งระบุว่า การเมืองสหรัฐฯ อาจถึงเวลาที่จะต้องการการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นสู่รุ่น
นอกจากนี้ ฮาเลย์ยังเคยวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของทรัมป์และบรรดาผู้สนับสนุนของเขาที่ตัดสินใจก่อเหตุจลาจลบุกโจมตีทำเนียบสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนไม่น้อย โดยเธอกล่าวว่า การกระทำของทรัมป์นับตั้งแต่วันเลือกตั้งจะได้รับการตัดสินอย่างรุนแรงจากประวัติศาสตร์
ผลการสำรวจความคิดเห็นล่าสุดโดย Trafalgar Group ชี้ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงเป็นผู้สมัครอันดับ 1 ที่ฐานเสียงพรรครีพับลิกันจะลงคะแนนให้ หากมีการจัดเลือกตั้งชิงเก้าอี้ผู้แทนพรรครีพับลิกันขึ้นในวันนี้ (43.4%)
ตามมาด้วย รอน เดอซานติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา 2 สมัยที่เพิ่งคว้าชัยอย่างถล่มทลายในช่วงศึกเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐอเมริกา 2022 ด้วยการกวาดคะแนนเสียงมากกว่าผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตถึง 1.5 ล้านคะแนน โดยหลายฝ่ายคาดการณ์ว่า เดอซานติสอาจจะเป็นคู่แข่งคนสำคัญของทรัมป์ในศึกครั้งสำคัญนี้ หากเขาตัดสินใจลงชิงชัย (27.8%)
ทิม สกอตต์ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ จากรัฐเซาท์แคโรไลนา มาเป็นอันดับ 3 (14.3%) ขณะที่ นิกกี ฮาเลย์ อยู่ในอันดับที่ 4 (11.6%)
นอกจากนี้ผลสำรวจความคิดเห็นอีกหลายสำนัก โดยเฉพาะ Reuters/Ipsos ชี้ว่า ความแข็งแกร่งทางการเมืองของทรัมป์อาจอ่อนแอลงในหมู่บรรดาสมาชิกพรรครีพับลิกันของเขา โดยราว 40% ของสมาชิกพรรคชี้ว่า เขาไม่ควรลงสมัครเพื่อชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2024 แม้ว่าเขาจะยังคงเป็นตัวเต็งในบรรดาผู้สมัครที่มีศักยภาพของพรรครีพับลิกันก็ตาม ขณะที่แบบสำรวจเดียวกันก็พบว่า 52% ของสมาชิกพรรคเดโมแครตที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องก็ไม่สนับสนุนให้ โจ ไบเดน ลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ อีกสมัยในปี 2024 นี้เช่นเดียวกัน
ภาพ: Scott Olson / Getty Images
อ้างอิง: