Netflix ประกาศไลน์อัพคอนเทนต์เกาหลีมากกว่า 34 เรื่อง บอกได้เลยว่ายังไม่ใช่แค่นี้ เพราะนี่เพิ่งต้นปี 2023 เท่านั้น ซึ่งน่าสนใจว่าในช่วงเวลาที่คอนเทนต์เกาหลีกำลังได้รับความนิยมจากผู้ชม และแพลตฟอร์มสตรีมมิงเจ้าที่เพิ่งเข้ามาเปิดบริการในประเทศไทยก็ดูเหมือนว่าคอนเทนต์เกาหลีจะกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดจำนวนสมาชิกให้เพิ่มสูงขึ้น
สำหรับ Netflix ที่เข้ามาให้การสนับสนุนคอนเทนต์เกาหลีตั้งแต่ปี 2018 ก็ต้องบอกว่าได้ปูรากฐานเอาไว้อย่างหนาแน่น ทั้งคอนเทนต์ที่ทำสัญญากับค่ายโทรทัศน์ รวมไปถึงคอนเทนต์ออริจินัลที่มีการให้เงินทุนสนับสนุนผู้สร้าง รวมไปถึงเปิดโอกาสให้ผู้กำกับและนักเขียนหน้าใหม่ได้แสดงฝีมือ
เพราะฉะนั้นไลน์อัพคอนเทนต์เกาหลี Netflix ประจำปี 2023 จึงเรียกว่าน่าสนใจมากๆ ทั้งซีรีส์ ภาพยนตร์ และวาไรตี้ที่ดูเหมือนว่า Netflix กำลังเดินมาถูกทางและค้นพบแนวทางของตัวเองที่แตกต่างจากวาไรตี้ทางโทรทัศน์เกาหลีโดยปกติ ซึ่งทั้งหมดนั้นจะมีคอนเทนต์อะไรบ้าง เรามัดรวมมาให้ในบทความนี้แล้ว
ไฮไลต์รายการเรียลิตี้ วาไรตี้ และเกมเอาชีวิตรอด จาก Netflix
Physical: 100
ปรากฏการณ์รายการเรียลิตี้ Physical: 100 ที่กำลังได้รับความนิยมล้นหลามในตอนนี้ ถ้าใครได้ดูแล้วน่าจะเข้าใจได้ว่ามีการนำองค์ประกอบหลายอย่างจากซีรีส์ Squid Game มาใช้ในการแข่งขัน ‘ร้อยแกร่งแข่งอึด’ ทั้งเสียงของโฮสต์ผู้ดำเนินรายการ รูปแบบเกมที่ต้องใช้ทั้งพละกำลังและจิตวิทยาในการสร้างเสริมและลดทอนกำลังใจ รวมถึงในด่านต่างๆ ที่มีการแข่งขัน จะมีเจ้าหน้าที่ใส่ชุดสีขาว-ครีมคอยเฝ้าประตูไว้ด้วย
Single’s Inferno
เหล่าคนโสดชาย-หญิงมาติดเกาะด้วยกัน เพื่อตามหาคนที่ใช่ มีเพียงคู่ที่สมหวังเท่านั้นที่จะได้ออกจากเกาะร้างไปใช้เวลาในค่ำคืนแสนหวานด้วยกันบนเกาะสวรรค์ ซึ่งรายการเดตที่ดูเงียบๆ ในตอนแรกนี้ กลับสร้างกระแสทอล์กออฟเดอะทาวน์จนเปิดทางสู่ซีซัน 2 ตามมา พร้อมสร้างสถิติเป็นรายการเรียลิตี้ที่มีการรับชมสูงสุดอันดับ 4 ของ Netflix ในปี 2021 และเป็นหนึ่งในรายการสุดโปรดของ ดอนคัง เช่นกัน
The Devil’s Plan
รายการวาไรตี้ในการใช้สมองเอาชีวิตรอด ที่ใครดู Physical: 100 แล้วรู้สึกว่ากล้ามเนื้อเรายังไม่แข็งแรงเพียงพอ น่าจะสนใจเกมที่ใช้สมองประลองปัญญา รอติดตามวาไรตี้แผนปีศาจนี้ได้เลย โดย Devil’s Plan เป็นรายการวาไรตี้แนวเอาตัวรอดที่ต้องใช้จิตวิทยาในการแข่งขัน ผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัลสูงถึง 500 ล้านวอน โดยการเฟ้นหาผู้เข้าแข่งกันของเกมนี้เริ่มต้นด้วยคำแนะนำของปีศาจ ที่บอกให้พวกเขาถอดหน้ากากทางสังคมและเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง
19/20 (Nineteen to Twenty)
รายการเรียลิตี้ที่จะตามติดชีวิตคนเจน Z ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของอายุ 19 ปี ก่อนที่พวกเขาจะก้าวเป็นผู้ใหญ่ในวัย 20 โดยในช่วงสัปดาห์สุดท้ายนั้นเอง พวกเขาจะได้เข้าเรียนที่ ‘19 School’ เพื่อเรียนรู้ภาคปฏิบัติเกี่ยวกับชีวิตวัยผู้ใหญ่และเตรียมตัวที่จะเป็นผู้ใหญ่ จากนั้นในวันที่ 1 มกราคม พวกเขาทั้งหมดจะเข้าไปอยู่ที่ ‘20 House’
ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พวกเขาเป็นอิสระจากพ่อ แม่ และครู รายการนี้น่าสนใจมาก เพราะสำหรับวัฒนธรรมเกาหลี วัย 20 เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอย เพราะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่จะทำได้เป็นครั้งแรก อาทิ การดื่มแอลกอฮอล์อย่างถูกกฎหมาย เป็นต้น
รายการ 19/20 จะมี คยูฮยอน SUPER JUNIOR, นักแสดงสาว คิมจีอึน และ อีซูฮยอน จากวง AKMU เข้าร่วมในฐานะพิธีกร และได้โปรดิวเซอร์คิมแจวอน จากผลงาน Single’s Inferno มาควบคุมการผลิตรายการนี้
Zombieverse
รายการเรียลิตี้เอาชีวิตรอดที่ต่อยอดจากความนิยมของซอมบี้ และตอบคำถามเบสิกที่ใครๆ ก็สงสัยกันทั้งนั้น “ถ้าซอมบี้มีจริงบนโลก เราจะทำอย่างไรดี” โดย Netflix ได้เปลี่ยนกรุงโซลให้กลายเป็นเมืองที่ล่มสลายหลังจากยุคซอมบี้ ผู้เข้าแข่งขันต้องร่วมมือกันต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด ทั้งการหาน้ำ อาหาร และที่หลบภัย ใครโดนซอมบี้กัดเป็นอันจบ
Siren: Survive the Island
รายการเรียลลิตี้แนวเอาชีวิตรอดที่ใช้การต่อสู้โดยผู้หญิง 24 คน ซึ่งมีพละกำลังสูงสุดในการต่อสู้และเปี่ยมด้วยทักษะการคิดแบบมีกลยุทธ์ พวกเธอจะถูกแบ่งเป็น 6 ทีมตามกลุ่มอาชีพและต่อสู้กัน ชื่อรายการ Siren นั้นตีความหมายได้ทั้ง ‘เสียงเตือน’ และ ‘เสน่ห์เย้ายวนที่งดงาม’ รายการนี้ประกอบไปด้วยผู้หญิงที่มีสมรรถนะร่างกายไม่ธรรมดาและมีความสามารถด้านการวางแผน ซึ่งมีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจนักดับเพลิง บอดี้การ์ด สตันท์ ทหารหญิง และนักกีฬา โดยจะมีทีมเดียวเท่านั้นที่จะได้เป็นผู้ชนะจากการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดบนเกาะที่ไม่มีใครรู้จักเป็นเวลา 7 วัน 6 คืน
ไฮไลต์ซีรีส์เกาหลีห้ามพลาดแห่งปี 2023 จาก Netflix
ในปี 2023 ซีรีส์เกาหลีจากแพลตฟอร์ม Netflix ยังคงเต็มไปด้วยความน่าสนใจ ซีรีส์ฟอร์มยักษ์ที่ท้าทายความคิดสร้างสรรค์ในการทำให้เรื่องในจินตนาการเกิดขึ้นได้จริง โดยมีหัวเรือใหญ่อย่างซีรีส์ Black Knight และ Gyeongseong Creature ที่เรื่องราวจะสะท้อนให้เห็นความทะเยอทะยานในการสร้างงานที่ยิ่งใหญ่ขึ้นและดีขึ้นให้ได้ของทีมคอนเทนต์เกาหลี
Black Knight
ซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวในปี 2071 เมื่อโลกประสบปัญหามลพิษทางอากาศ จนผู้คนจำเป็นต้องพึ่งหน้ากากกรองอากาศเพื่อหายใจ Black Knight สร้างจากเว็บตูนสุดฮิต โดยถ่ายทอดภาพของโลกที่มีเผ่าพันธุ์มนุษย์เพียง 1% เท่านั้นที่รอดชีวิตมาได้ และเกิดการแบ่งชนชั้นทางสังคมอย่างรุนแรงในดินแดนอันแห้งแล้งของคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งพนักงานขับรถส่งของกลายมาเป็นอาชีพที่มีบทบาทสำคัญในระบอบการปกครองนี้
คิมอูบิน รับบทเป็น 5-8 อัศวินขนส่งในตำนานที่ไม่มีใครเทียบเท่า ซงซึงฮอน รับบทเป็น รยูซอก ทายาทเพียงคนเดียวของชุนมยองกรุ๊ปที่ครองโลกโดยการกอบโกยผลประโยชน์จากก๊าซออกซิเจน คังยูซอก รับบทเป็น ซาวอล เด็กหนุ่มผู้ลี้ภัยที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นพนักงานส่งของเหมือน 5-8 กำกับโดย โจอึยซอก ผู้ได้พิสูจน์ความสามารถทั้งด้านพล็อตเรื่องที่แข็งแรง การวางลำดับฉากอย่างชาญฉลาด และฉากแอ็กชันสุดระทึก จากผลงานที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Master, Cold Eyes และ The World of Silence
Gyeongseong Creature
ซีรีส์ที่พาย้อนอดีตกลับไปในช่วงปี 1945 ช่วงที่เกาหลีกำลังอยู่ในยุคมืดหม่นที่สุดจากการปกครองภายใต้ญี่ปุ่น เล่าเรื่องราวของวัยรุ่นสองคนที่ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดเมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่ถือกำเนิดขึ้นจากความโลภของมนุษย์
การโคจรมาร่วมงานกันครั้งแรกของ พัคซอจุน และ ฮันโซฮี นักแสดงระดับแถวหน้าของเกาหลี โดย พัคซอจุน รับบท จางแทซัง มหาเศรษฐีที่มั่งคั่งที่สุดในคยองซอง และเป็นเจ้าของโรงจำนำ Golden Treasure ส่วน ฮันโซฮี รับบทเป็น ยุนแชอ๊ก นักล่าค่าหัวผู้เลื่องลือด้านความสามารถในการแกะรอยเป้าหมาย ไม่เว้นแม้แต่คนที่ตายจากไปแล้ว
Gyeongseong Creature ได้นักเขียนบท คังอึนคยอง จากซีรีส์ Dr. Romantic และผู้กำกับ จองดงยุน จากซีรีส์ Hot Stove League ร่วมมือกันสร้างสรรค์ผลงานครั้งยิ่งใหญ่นี้
Love to Hate You
ซีรีส์โรแมนติกคอเมดี้ของผู้หญิงที่เกลียดการพ่ายแพ้ผู้ชาย และผู้ชายที่ลึกๆ แล้วแอบไม่ไว้วางใจผู้หญิง ทั้งคู่ได้พบกับความรักที่เหมือนกับสงคราม และพบว่าต่างคนต่างได้รับการเยียวยาผ่านประสบการณ์นั้น
คิมอ๊กบิน รับบทเป็น ยอมีรัน ทนายมือใหม่ประจำสำนักงานกฎหมายกิลมูที่ทำงานให้กับวงการบันเทิง เธอเกลียดการแพ้ต่อผู้ชายสุดๆ, ยูแทโอ รับบทเป็น นัมคังโฮ นักแสดงเกาหลีแถวหน้าที่ไม่เชื่อใจผู้หญิงเอาเสียเลย เขาและเธอเผชิญหน้ากันครั้งแรกในฐานะศัตรู ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและความหวาดระแวงเพราะอคติ นี่คือการเดินทางของคนสองคนที่ไม่ศรัทธาในความรักจนกลายมาเข้าใจซึ่งกันและกัน
Bloodhounds
Bloodhounds ซีรีส์สร้างจากเว็บตูนในชื่อเดียวกันของ Naver กำกับและเขียนบทโดยผู้กำกับ คิมจูฮวาน จากภาพยนตร์เรื่อง Midnight Runners เรื่องเกี่ยวกับชายหนุ่มสองคนที่ก้าวเข้าสู่โลกแห่งเงินกู้นอกระบบเพื่อหวังจะโกยเงิน แต่กลับติดอยู่ในวงล้อของกลุ่มอิทธิพลมืดที่มีกำลังเหนือกว่า
อูโดฮวาน กลับมาในบท กอนอู ชายที่กระโจนเข้าสู่โลกแห่งเงินกู้นอกระบบเพื่อหาเงินมาจ่ายหนี้ของตัวเอง, อีซังอี รับบทเป็น อูจิน ซึ่งได้พบกับกอนอูครั้งแรกในฐานะคู่แข่งบนสังเวียนมวย แต่กลับลงเอยด้วยการทำงานร่วมกับเขา, พัคซองอุง รับบท มยองกิล เจ้าพ่อเงินกู้นอกระบบสุดโหดที่ขับเคลื่อนทุกสิ่งทุกอย่างด้วยเงินเท่านั้น และ ฮอจุนโฮ รับบทเป็น มิสเตอร์ชเว ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเจ้าพ่อปล่อยเงินกู้ในตำนาน แต่ปัจจุบันช่วยเหลือผู้ป่วยด้วยการให้ยืมเงินโดยไม่คิดดอกเบี้ย
Queenmaker
เรื่องราวของ ฮวังโดฮี อัจฉริยะด้านงานประชาสัมพันธ์ที่เคยดูแลทีมกลยุทธ์องค์กรในเครือบริษัทอึนซองกรุ๊ป และหันมาทุ่มเทให้กับแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งของ โอคยองซุก ทนายด้านสิทธิมนุษยชนที่ได้รับฉายา ‘Ms. Rhino’ จากการที่เธอฝ่าฟันอุปสรรคชีวิตมานับไม่ถ้วน และดันคยองซุกให้ได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีกรุงโซล
คิมฮีแอ นักแสดงฝีมือฉกาจของเกาหลี จะมารับบทเป็น ฮวังโดฮี นักประชาสัมพันธ์ระดับอัจฉริยะ ร่วมด้วย มุนโซรี ผู้โด่งดังจากการแสดงที่เหนือชั้นในหลากหลายบทบาทที่ผ่านมา โดยในเรื่องนี้เธอจะมารับบทเป็น โอคยองซุก ทนายด้านสิทธิมนุษยชน
A Time Called You
ซีรีส์รักโรแมนติกทะลุมิติเวลา เมื่อ จุนฮี คิดถึงแฟนหนุ่มที่เสียชีวิตไปเมื่อปีก่อน และได้ย้อนเวลากลับไปยังปี 1998 เพื่อพบกับ ชีฮอน ซึ่งหน้าตาเหมือนกับแฟนหนุ่มของเธอ ซีรีส์เรื่องนี้สร้างความฮือฮาทันทีหลังจากที่ประกาศเปิดตัวในฐานะฉบับรีเมกจากผลงานโรแมนติกสุดคลาสสิกของไต้หวันเรื่อง Someday or One Day
อันฮโยซอบ มารับบทควบสองตัวละครในบทบาท กูยอนจุน แฟนหนุ่มของจุนฮี และ ชีฮอน ชายหนุ่มจากปี 1998 ที่หน้าตาคล้ายกับเขา ส่วน ชอนยอบิน กลับมาในบทบาท ฮันจุนฮี และ ควอนมินจู โดยชอนยอบินจะต้องถ่ายทอดการแสดงอย่างละเอียดอ่อนผ่านบทบาทสองตัวละครซึ่งหน้าตาเหมือนกันแต่นิสัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
Song of the Bandits
เล่าถึงเรื่องราวการต่อสู้ในยุคอาณานิคมที่ญี่ปุ่นเข้ามามีอิทธิพลเหนือเกาหลี โดยเล่าถึงกลุ่มคนที่มาลงเอยอยู่ในดินแดนไร้กฎหมายของอาณาเขตกันโดด้วยหลากหลายเหตุผล และได้รวมตัวกันปกป้องอาณาจักรโชซอนเพื่อชาวเกาหลี ซีรีส์สุดเข้มข้นที่จะเล่าผ่านตัวละครที่มีแรงจูงใจต่างกันออกไป โดยมีทั้งกองกำลังทหารญี่ปุ่น, กองกำลังอิสรภาพเกาหลี, มือสังหาร, กองโจร และผู้อพยพชาวโชซอน พวกเขามาเผชิญหน้ากันที่ ‘กันโด’ ดินแดนอนาธิปไตยในยุค 1920
Mask Girl
เรื่องราวเกี่ยวกับ คิมโมมี ที่ตอนกลางวันเป็นพนักงานออฟฟิศธรรมดาที่ไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเอง ส่วนตอนกลางคืนเป็นไลฟ์สตรีมเมอร์ที่ปกปิดใบหน้าไว้ใต้หน้ากาก วันหนึ่งเธอก็ได้เข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน รวมถึงพบเจอเรื่องราวพลิกผันมากมาย
โกฮยอนจอง และ นานะ รับบทเป็น คิมโมมี ในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน, อันแจฮง รับบทเป็น จูโอนัม เพื่อนร่วมงานของโมมีซึ่งแอบหลงรักเธอ และ ยอมฮเยรัน รับบทเป็นแม่ของโอนัม ผู้กำกับ คิมยงฮุน ที่ทั่วโลกจับตามองจากผลงาน Beasts Clawing at Straws ภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาที่ชนะรางวัล Special Jury Award จาก International Film Festival Rotterdam ครั้งที่ 49 มารับหน้าที่กำกับซีรีส์เรื่องนี้
Doona!
Doona! เล่าถึงเรื่องราวความรักระหว่าง วอนจุน นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมดาๆ คนหนึ่ง และ ดูนา อดีตไอดอลเคป๊อปที่มาพบกันในบ้านพักรวมสำหรับนักศึกษา ซีรีส์เรื่องนี้สร้างจากเว็บตูนที่แฟนๆ ชื่นชอบ พล็อตเรื่องรักโรแมนติกชวนใจเต้นที่เกิดขึ้นกับเพื่อนร่วมบ้านที่เป็นอดีตไอดอล และการถ่ายทอดอารมณ์อย่างละเอียดอ่อน ซึ่งทำให้เรื่องราวมีชีวิตขึ้นมา
นำแสดงโดย ซูจี ซึ่งใครๆ ต่างก็เห็นพ้องว่าเป็นแคสต์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับบทนี้ ทั้งด้วยความสวยและในฐานะที่เป็นอดีตไอดอลเคป๊อป และ ยางเซจง ผู้เข้าถึงทุกตัวละครที่เขารับบทได้เป็นอย่างดีเสมอมา Doona! กำกับโดย อีจองฮโย จาก Crash Landing on You และ Romance is a Bonus Book
Daily Dose of Sunshine
ซีรีส์ที่จะพาไปสำรวจเรื่องราวในแผนกจิตเวชและผู้คนในนั้น ไม่ว่าจะเป็น จองดาอึน พยาบาลสาวที่เพิ่งเริ่มงานแผนกจิตเวชของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง, ดงโกยุน ศัลยแพทย์ทวารหนักสุดแปลก, ซงยูซาน เพื่อนสนิทของดาอึนที่คอยต่อล้อต่อเถียงเธอเป็นประจำ นำแสดงโดย พัคโบยอง, ยอนอูจิน, จางดงยุน กำกับโดย อีแจคยู ผู้ปลุกกระแส K-Zombie จากผลงานดังอย่าง All of Us Are Dead
Goodbye Earth
ซีรีส์โดย Netflix ที่เล่าถึงโลกที่ตกอยู่ในความโกลาหล เมื่อเหลือเวลาเพียง 200
วันก่อนที่ดาวเคราะห์น้อยจะพุ่งชนและทำลายทุกอย่าง นำแสดงโดย อันอึนจิน รับบทเป็น จินเซคยอง ซึ่งเดิมเป็นครูสอนวิชาเศรษฐศาสตร์ในโรงเรียนมัธยม แต่หลังจากได้ยินข่าวว่าดาวเคราะห์น้อยระเบิด เธอก็ได้ไปเป็นอาสาสมัครที่แผนกเยาวชนของเทศบาลอุงชอน และพยายามต่อสู้อย่างเงียบๆ เพื่อปกป้องเด็กๆ
ยูอาอิน รับบท ฮายุนซัง คนรักของเซคยอง และเป็นนักวิจัยแห่งสถาบันวิจัยด้านวิศวกรรมชีวภาพ เขายอมละทิ้งชีวิตที่ปลอดภัยในสหรัฐอเมริกาและกลับมายังเกาหลี ซึ่งเป็นพื้นที่วิกฤต เพื่ออยู่เคียงข้างเซคยอง
Behind your Touch *ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ
เยบุน รับบทโดย ฮันจีมิน ใฝ่ฝันถึงการเป็นสัตวแพทย์ในเมืองมูจิน เมืองเล็กๆ ในจังหวัดชุงชองมาโดยตลอด แต่กลับกลายเป็นว่าเธอติดแหง็กอยู่กับหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบเพื่อหารายได้ประทังชีวิต อย่างเช่น การทำคลอดลูกวัวและการฉีดวัคซีนให้ปลาทะเล จนวันหนึ่งเธอได้รับพลังจิตระหว่างที่ไปเยือนฟาร์มวัวแห่งหนึ่ง เธอได้พบกับ จางยอล รับบทโดย อีมินกิ นักสืบไฟแรงที่เข้าใจผิดว่าเธอเป็นโรคจิตและคอยจ้องจะเล่นงานเธอ แต่แล้วเขาก็เชื่อใจเยบุน และพลังจิตของเธอก็ช่วยให้เขาไขคดีตั้งแต่คดีอาชญากรรมเล็กๆ ไปจนถึงคดีฆาตกรรมต่อเนื่องได้สำเร็จ ในขณะที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนเองก็พัฒนาไปด้วยเช่นกัน
The Good Bad Mother
ยองซุน แม่เลี้ยงเดี่ยวที่เป็นหม้ายตั้งแต่ยังสาว เธอทำฟาร์มเลี้ยงหมูและเลี้ยงดูลูกชายชื่อ คังโฮ (รับบทโดย อีโดฮยอน) เธอกลายเป็น ‘แม่ใจร้าย’ และเข้มงวดกับลูกชาย เพราะไม่อยากให้เขาเติบโตไปยากจน ความมีระเบียบวินัยของเธอทำให้คังโฮโตมาเป็นอัยการที่มีหน้ามีตา แต่แล้วเขากลับต้องสูญเสียความทรงจำเนื่องจากอุบัติเหตุเคราะห์ร้าย และกลับไปเป็นเด็กวัย 7 ขวบอีกครั้ง ยองซุนตัดสินใจกลายเป็น ‘แม่ใจร้าย’ เพื่อคังโฮอีกครั้ง โดยซีรีส์คอเมดี้สุดอบอุ่นและประทับใจเรื่องนี้จะพาเราเดินทางไปพร้อมๆ กับแม่-ลูกคู่นี้ที่ต้องการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างกัน
King the Land
กูวอน รับบทโดย อีจุนโฮ ทายาทผู้สืบทอดคิงกรุ๊ปที่ทั้งสุภาพ มีเสน่ห์ ฉลาด และมีรสนิยม เขาเพียบพร้อมทุกอย่าง ยกเว้นความทรงจำเกี่ยวกับแม่ของเขา เขากลับไปยังโรงแรมคิงเพื่อรื้อฟื้นความทรงจำของตัวเอง ส่วน ชอนซาราง รับบทโดย อิมยุนอา เป็นที่รู้จักในฐานะ ‘ราชินีแห่งรอยยิ้มและการดูแลเอาใจใส่’ ของโรงแรมคิง เธอไต่เต้าจากพนักงานต้อนรับจนปัจจุบันได้ทำงานที่ King the Land โรงแรมสุดหรู ซึ่งเธอได้พบกับกูวอนที่นั่น
Destined with You
Destined with You นำแสดงโดย โรอุน, โจโบอา, ฮาจุน และ ยูรา เล่าเรื่องราวของ ชินยู ทนายผู้ประสบความสำเร็จ เขาต้องปกป้องวัดที่ตั้งอยู่บนเชิงเขาอนจู เพราะคำสาปที่ติดตัวครอบครัวมาเป็นเวลา 350 ปี แต่แล้ววันหนึ่งยูทูเบอร์ที่บุกรุกเข้าไปในวัดเกิดเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และ ฮงโจ ข้าราชการไฟแรงประจำเมืองอนจู ก็ปรากฏตัวต่อหน้าชินยูเพื่อรื้อถอนวัด
“คำสาปที่ติดตัวมาเนิ่นนานจะจบลง เจ้าของกล่องไม้ได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว…” อึนวอล คนทรงที่ปกป้องวัดมากว่า 60 ปีกล่าว และอนุญาตให้ฮงโจรื้อถอนวัด จากนั้นกล่องไม้ที่ถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิดในวัดก็มาอยู่ในมือของฮงโจ เขาพบว่าภายในกล่องนั้นมีเอกสารต้องห้าม ทำให้ชินยูมีความหวังว่าคาถาเหล่านั้นจะปลดปล่อยเขาจากคำสาปของฮงโจ เขาจึงรับงานเป็นทนายให้เมืองอนจู เพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับฮงโจ ซีรีส์เรื่องนี้นำเสนอเรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นอย่างสุดวิสัยระหว่างฮงโจที่ไปบังเอิญเจอเอกสารที่ถูกปิดผนึกไว้กว่า 3 ศตวรรษ กับชินยู ซึ่งตกเป็นผู้รับเคราะห์จากเอกสารนั้น
See You In My 19th Life
ซีรีส์ที่สร้างจากเว็บตูนชื่อเดียวกัน เล่าถึงเรื่องราวความรักอันสดใสที่ทำให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งระหว่าง บันจีอึม (รับบทโดย ชินฮเยซอน) ซึ่งมีความสามารถเหนือธรรมชาติ จดจำเรื่องราวในชาติก่อนของเธอได้ และ มุนซอฮา (รับบทโดย อันโบฮยอน) ซึ่งถูกลิขิตให้มาเจอกัน จีอึมไม่ได้มีความผูกพันกับอดีตชาติของเธอ แต่เมื่อเธอต้องสูญเสียซอฮาไปด้วยอุบัติเหตุหลังจากที่เธอได้พบเขาในชีวิตที่ 18 เธอจึงเริ่มชีวิตครั้งที่ 19 เพื่อสานสัมพันธ์กับเขาอีกครั้ง
Celebrity
ซีรีส์ที่ถ่ายทอดความเป็นจริงเบื้องหลังชีวิตสวยหรูและการแข่งขันของเหล่าเซเลบริตี้ ผลงานกำกับโดย คิมชอลกยู ผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในการจัดการประกวดครั้งแรกของ Cannes International Series Festival จากผลงานเรื่อง Mother และยังได้นักแสดงดาวรุ่ง พัคกยูยอง จากซีรีส์ Sweet Home มารับบทเป็น ซออารี ผู้ที่กลายเป็น ‘เซเลบ’ ในชั่วข้ามคืน
ไฮไลต์ซีรีส์เกาหลีภาคต่อจาก Netflix
The Glory 2
ภาคแรกของซีรีส์ The Glory ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม ทั้งด้านจังหวะการเดินเรื่องที่ตื่นเต้นเร้าใจและการแสดงที่เข้าถึงอารมณ์ จนขึ้นแท่นอันดับ 1 บนชาร์ต Top 10 หมวดรายการทีวีภาษาต่างประเทศทั่วโลกของ Netflix ในสถิติระหว่างวันที่ 2-8 มกราคมที่ผ่านมา
โดยเรื่องราวใน The Glory 2 จะทำให้ผู้ชมได้เห็นการร่วงลงสู่หายนะของแก๊งพัคยอนจิน ที่เคยรังแก มุนดงอึน สมัยเรียน ที่ค่อยๆ ถูกลากมาติดกับทีละคนตามแผนที่วางไว้ ซึ่งจะถ่ายทอดออกมาอย่างสวยงามและไม่มีการยอมอ่อนข้อ การสื่อสารอันทรงพลังที่ทำให้เรารู้สึกได้ถึงไฟแค้นอันชอบธรรม ความเห็นอกเห็นใจ และความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับตัวละคร จะฝากเสียงสะท้อนทางอารมณ์ที่ตราตรึงใจให้กับผู้ชมทั่วโลกไปอีกยาวนาน
D.P. 2
อันจุนโฮ และ ฮันโฮยอล เจ้าหน้าที่หน่วยล่าทหารหนีทัพ ได้เผชิญกับความจริงที่พวกเขาไม่เคยล่วงรู้มาก่อน จนได้มาตามล่าเหล่าทหารหนีทัพ ซึ่งมีเรื่องราวเบื้องหลังที่หลากหลาย โดยซีซัน 2 ที่ทุกคนต่างตั้งตารอจะกลับมาพร้อมผู้กำกับ ฮันจุนฮี และทีมนักแสดงหลักทีมเดิมจากซีซัน 1 ประกอบไปด้วย จองแฮอิน รับบทเป็น อันจุนโฮ และ คูคโยฮวาน รับบทเป็น ฮันโฮยอล คู่หูจากหน่วยล่าทหารหนีทัพ ร่วมด้วย คิมซองคยุน รับบทเป็น พัคบอมกู หัวหน้าหน่วย D.P. และ ซอนซ็อกกู รับบทเป็น ร้อยโทอิมจีซอบ
Sweet Home 2
ซงคัง, อีจินอุค, อีชียอง, โกมินซี และ พัคกยูกยอง เหล่าผู้พักอาศัยในกรีนโฮมที่เคยพาผู้ชมไปสัมผัสกับความระทึกอย่างท่วมท้นมาแล้วในซีซัน 1 ระหว่างที่พวกเขาต้องเสี่ยงชีวิตต่อสู้ในสงครามนองเลือดกับเพื่อนบ้านที่กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาด กำลังจะกลับมาอีกครั้งในซีซัน 2 โดยมีกำหนดออกอากาศช่วงปลายปี 2023
ไฮไลต์ภาพยนตร์และสารคดีเกาหลีแห่งปี 2023 จาก Netflix
ปีนี้ Netflix เพิ่งประกาศไลน์อัพภาพยนตร์เกาหลี 6 เรื่อง คือ
- ภาพยนตร์แนวไซไฟทริลเลอร์ JUNG_E
- Kill Boksoon ซึ่งเล่าเรื่องราวของนักฆ่ามืออาชีพที่มีปมขัดแย้งในใจจากสัญชาตญาณของความเป็นแม่
- Believer 2 ภาคต่อของภาพยนตร์อาชญากรรมแนวแอ็กชันระทึกขวัญเกี่ยวกับขบวนการค้ายาเสพติด
- Ballerina ภาพยนตร์ที่จะพาเราไปสำรวจประเด็นการแก้แค้น
- The Match การประชันฝีมือระหว่างลูกศิษย์และอาจารย์
- แค่ทำโทรศัพท์มือถือหาย ทำไมต้องกลายเป็นศพ (Unlocked) ชื่อเรื่องภาพยนตร์ที่บอกเรื่องย่อไว้ในชื่อให้แล้ว
นอกจากนี้ยังมีสารคดีใหม่อีก 2 เรื่อง คือ Yellow Door: Looking for Director Bong’s Unreleased Short Film (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ภารกิจตามหาภาพยนตร์เรื่องแรกของ บงจุนโฮ ผู้กำกับเจ้าของรางวัลออสการ์ และสารคดีแนวอาชญากรรมที่สร้างจากเรื่องจริง In the Name of God: A Holy Betrayal ซึ่งจะพาเราไปสำรวจเรื่องราวของบุคคลที่เรียกตัวเองว่าเป็น ‘พระเมสสิยาห์’ หรือพระผู้ช่วยให้รอด แห่งเกาหลียุคใหม่
ภาพ: Netflix