×

แบงก์ชาติแคนาดาจ่อหยุดใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัวเป็นธนาคารกลางแรกๆ ของโลก หลังขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี

26.01.2023
  • LOADING...

แบงก์ชาติแคนาดาส่งสัญญาณว่าจะเป็นธนาคารแห่งแรกๆ ของโลกที่เตรียมเลิกใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัว หลังประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 16 ปีในการประชุมครั้งล่าสุด หลังเห็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจเริ่มเย็นลงแล้ว ตามต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น

 

ธนาคารกลางแคนาดา (BOC) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Overnight Rate อีก 0.25% สู่ระดับ 4.5% สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2007 นับเป็นการปรับขึ้น 8 ครั้งติดต่อกันแล้ว

 

นอกจากนี้ธนาคารกลางแคนาดายังเป็นธนาคารกลางแห่งแรกในกลุ่ม G10 ที่ส่งสัญญาณว่าพร้อมจะหยุดวงจรการใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัวในรอบนี้แล้ว หลังสังเกตว่าในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาอุปสงค์ในประเทศชะลอตัวลง ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังยืนยันว่าจะใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัวและปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

 

ทิฟฟ์ แมคเคลม ผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดา กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันพุธว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ และเศรษฐกิจยังคงมีอุปสงค์ส่วนเกินอยู่ อย่างไรก็ตาม เริ่มหลักฐานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่านโยบายการเงินแบบตึงตัวกำลังชะลอกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการใช้จ่ายในครัวเรือน พร้อมทั้งระบุว่า ธนาคารกลางคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับปัจจุบัน พร้อมๆ กับประเมินผลกระทบของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยสะสมไปด้วย

 

ด้าน เบนจามิน เรตเซส นักเศรษฐศาสตร์จาก ธนาคารแห่งมอนทรีออล (Bank of Montreal) ระบุว่า การส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางแคนาดาเป็นสายพิราบมากกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย 

 

สำหรับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในแคนาดาได้ผ่อนคลายลงแล้ว เนื่องจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) แตะระดับสูงสุดในรอบ 39 ปีที่ 8.1% ในเดือนมิถุนายน ได้ผ่อนคลายเหลือ 6.3% ในเดือนธันวาคม 

 

ธนาคารกลางแคนาดายังคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อน่าจะลดลงอย่างมากในปีนี้ เนื่องจากราคาพลังงานที่ลดลง การปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก และผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นต่ออุปสงค์ โดยคาดว่าจะทำให้ CPI ลดลงเหลือประมาณ 3% ในช่วงกลางปีนี้ และกลับสู่เป้าหมาย 2% ในปี 2024 พร้อมให้คำมั่นว่าจะจับตาดูตลาดแรงงานของแคนาดาอย่างใกล้ชิด


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising