วานนี้ (25 มกราคม) พล.ต.ต. อภิชาติ สุริบุญญา โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ชี้แจงความคืบหน้ากรณีนักท่องเที่ยวชาวจีนเผยแพร่คลิปตำรวจจำนวนหนึ่งร่วมกันอำนวยความสะดวกดูแลนักท่องเที่ยวในสนามบิน และใช้ยานพาหนะตำรวจนำทางไปจนถึงโรงแรมที่พัก
พล.ต.ต. อภิชาติกล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเรื่องราวและกระแสข่าวที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ จึงอยากเรียนความคืบหน้า พร้อมตอบคำถามในประเด็นที่สังคมยังเคลือบแคลงจากกรณีดังกล่าว ดังนี้
1. กระแสข่าวว่าจะมีการเรียกสอบนักท่องเที่ยวสาวชาวจีนที่ปรากฏในคลิป จากการตรวจสอบพบว่านักท่องเที่ยวสาวรายนี้ได้เดินทางออกจากประเทศไทยแล้ว อีกทั้งเรื่องดังกล่าว จนถึงปัจจุบันยังไม่ถึงขั้นเป็นคดีอาญา แต่หากสืบสวนเพิ่มเติมแล้วพบว่ามีความจำเป็นต้องขอข้อมูลจากนักท่องเที่ยวรายนี้ ก็สามารถขอความร่วมมือระหว่างประเทศได้
ซึ่งทางกองบัญชาการฯ จะใช้ดุลยพินิจอย่างรอบคอบที่สุด เนื่องจากไม่ต้องการให้กระทบกระเทือนภาพลักษณ์และบรรยากาศการท่องเที่ยวของไทยที่กำลังดำเนินไปในทิศทางที่ดี
2. จากประเด็นที่มีการพูดถึงในสื่อทั่วไปว่าประเทศจีนมีการโพสต์ขายบริการพิเศษในการมาเที่ยวประเทศไทย เรื่องนี้ขอยืนยันว่า นับตั้งแต่วันนี้ไป จะร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อดำเนินการสืบสวนหาข้อมูลอย่างจริงจัง ว่ามีกลุ่มบุคคล บริษัทห้างร้าน เว็บไซต์ หรือข้าราชการหน่วยใด สังกัดใด เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง
หากพบการกระทำความผิดจริง กองบัญชาการฯ จะรวบรวมข้อมูลดำเนินการอย่างเด็ดขาด จริงจัง และไม่มีการละเว้นอย่างแน่นอน และขอถือโอกาสนี้ ขอบคุณเบาะแสข้อมูลจากพี่น้องประชาชนในทุกช่องทางที่นำเสนอมาให้ ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้การท่องเที่ยวไทยโปร่งใสและมีความเท่าเทียมมากยิ่งขึ้น
3. มีข้าราชการในสังกัดกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว 2 นาย คือ รองสารวัตร กองกำกับการ 3 (รับผิดชอบสนามบินสุวรรณภูมิ) และผู้บังคับหมู่ สังกัดกองกำกับการเดียวกัน โดยทั้งสองคนสังกัดกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1
ประเด็นเรื่องการอำนวยความสะดวกช่องทางพิเศษภายในสนามบิน พบว่าผู้บังคับหมู่ ยศดาบตำรวจได้รับการประสานงานมาจากเพื่อนชาวจีนรายหนึ่ง แต่เนื่องจากวันดังกล่าวตนเองไม่ว่าง จึงไหว้วานรองสารวัตรผู้ที่ปรากฏในคลิปให้มาดำเนินการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวคนดังกล่าวแทน อย่างไรก็ตาม หากการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นเรียบร้อย จะชี้แจงผ่านสื่อมวลชนอีกครั้ง
4. เมื่อวันจันทร์ที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้จัดการประชุมระดับบริหาร และมีการทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในทุกมิติ ขอยืนยันว่านับจากนี้ต่อไป จะยังคงดูแลอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวต่อไปตามอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบ แต่จะเป็นการดูแลอย่างเท่าเทียม
ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ เพื่อให้เกิดบรรยากาศการท่องเที่ยวที่อบอุ่น อันจะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ประเทศ อีกทั้งสั่งการให้หัวหน้าสถานีเพิ่มกำชับ ตรวจสอบข้าราชการในสังกัดมากขึ้น เพื่อไม่ให้มีการใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ
5. ประเด็นเรื่องการแต่งกายชุดตำรวจนอกเวลาราชการ ขอยืนยันว่าแม้จะอยู่นอกเวลาเข้าเวร หรือนอกเวลาราชการ ก็สามารถแต่งเครื่องแบบได้ ซึ่งไม่ถือเป็นความผิดวินัยแต่อย่างใด แต่ต้องดูว่าตำรวจที่แต่งเครื่องแบบในขณะนั้นทำอะไรอยู่ และประพฤติปฏิบัติตนอย่างไร หากปฏิบัติตนไม่ถูกต้องเหมาะสม ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบก็ถือว่ามีความผิด
ประเด็นที่การดัดแปลงรถส่วนตัวให้คล้ายรถตำรวจเพื่อนำไปแสวงหาผลประโยชน์นั้น ในประเด็นนี้กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวไม่ได้ชี้แจงอธิบาย เพราะรถนำที่ปรากฏในคลิปดังกล่าวไม่ใช่รถในสังกัดของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว
6. กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวขอถือโอกาสนี้เรียนว่า กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวไม่ได้เป็นเพียงหน่วยงานตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแต่เพียงเท่านั้น แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ภายใต้นโยบายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาด้วย
การบังคับใช้กฎหมายในฐานะข้าราชการตำรวจนั้นจึงต้องสร้างสมดุลกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เป็นรายได้หลักของประเทศด้วย ซึ่งขอยืนยันว่า เราจะปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมายที่เข้มแข็ง และในขณะเดียวกันก็จะจรรโลงไว้ซึ่งบรรยากาศการท่องเที่ยวของไทยให้สร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การท่องเที่ยวไทยเป็น Top of Mind ของโลกต่อไป
