ในปี 2022 กองทุนบริหารความเสี่ยง หรือเฮดจ์ฟันด์ (Hedge Fund) มีผลการดำเนินงานแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2018 โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาหุ้นจำนวนมากปรับตัวลดลง หลังจากผู้จัดการกองทุนพยายามวางเดิมพัน ท่ามกลางความวุ่นวายในตลาด
HFR ผู้ให้บริการข้อมูลอุตสาหกรรมเฮดจ์ฟันด์ทั่วโลกเปิดเผยว่า ดัชนี HFRI 500 Fund Weighted Composite Index ซึ่งติดตามผลการดำเนินงานของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดหลายแห่งทั่วโลก ปรับตัวลดลง 4.25% ในปีที่แล้ว
โดยเฮดจ์ฟันด์ประเภทหุ้น (Equity Hedge Fund) กลายเป็นประเภทที่มีผลการดำเนินงานแย่ที่สุดในปี 2022 ในบรรดาเฮดจ์ฟันด์ 4 ประเภทหลักที่ติดตามโดย HFR อย่างไรก็ตาม การขาดทุนของเฮดจ์ฟันด์ประเภทหุ้นที่ 10.37% ยังสามารถเอาชนะ S&P 500 ซึ่งปรับตัวลดลง 19.4% ในปีที่แล้วได้
ส่วนเฮดจ์ฟันด์ที่ลงทุนตามสถานการณ์ของตลาดหุ้น หรือตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้น (Event-driven Hedge Funds) ซึ่งรวมถึงเฮดจ์ฟันด์ที่เดิมพันกับการควบรวมกิจการและการปรับโครงสร้าง สิ้นสุดปีด้วยการขาดทุน 5.04%
ด้านเฮดจ์ฟันด์คริปโต (Crypto Hedge Fund) ขาดทุนถึง 55.08% ในปี 2022 อย่างไรก็ตาม แม้จะขาดทุนมหาศาล แต่เฮดจ์ฟันด์คริปโตกลับมีสัดส่วนเพียงเล็กน้อยในอุตสาหกรรมเฮดจ์ฟันด์ที่มีสินทรัพย์มูลค่ารวม 3.8 ล้านล้านดอลลาร์
ขณะที่เฮดจ์ฟันด์ประเภทหุ้นและคริปโตต้องเผชิญกับความท้าทายในปีที่แล้ว แต่เฮดจ์ฟันด์ประเภท Macro หรือ Macro Hedge Fund กลับมีผลการดำเนินงานโดดเด่นกว่าประเภทอื่นๆ โดย HFRI Macro Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.31%
เนื่องจาก Macro Hedge Fund ซึ่งซื้อขายสินทรัพย์ที่หลากหลายทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นพันธบัตร สกุลเงิน หุ้น และสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ สิ่งนี้ทำให้ผู้จัดการเฮดจ์ฟันด์ประเภทนี้สามารถวางเดิมพันได้อย่างชาญฉลาด ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นและอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา สำนักข่าว Reuters รายงานว่า นักลงทุนมองว่า Macro Hedge Fund น่าจะทำผลงานได้ดีกว่าประเภทอื่นๆ ในอุตสาหกรรมอีกครั้งในปีนี้ เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่ผันผวนสำหรับตลาดยังคงมีอยู่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ส่อง 9 หุ้นในพอร์ต กองทุนสิงคโปร์ GIC PRIVATE LIMITED มูลค่าเกือบ 4 หมื่นล้านบาท
- ทำความรู้จัก 7 หุ้น IPO น้องใหม่ เตรียมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ
- เจาะ 10 หุ้นมาร์เก็ตแคป เกิน 1 แสนล้าน ราคาร่วงแรงมากสุดนับจากต้นปี 2565
อ้างอิง: