บรรดาบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ และผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยล่าสุดถึงคิวของ Stitch Fix ร้านค้าปลีกเสื้อผ้าออนไลน์แบบสมัครสมาชิก ที่ออกมาประกาศข่าวร้ายแบบคูณสอง คือการที่ Elizabeth Spaulding ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง และบริษัทมีแผนเตรียมปลดพนักงานประจำเพิ่มเติมอีก 20% จากพนักงานทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบัน พร้อมกำลังดำเนินการยุบบางส่วนของบริษัท รวมถึงศูนย์กระจายสินค้าในเมือง Salt Lake City ด้วย
Katrina Lake ผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอของบริษัทเขียนลงบนบล็อกโพสต์ แสดงความเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และยอมรับว่าบริษัทจำต้องสูญเสียสมาชิกมากความสามารถของบริษัทด้วยความจำเป็น โดย Lake จะรับตำแหน่งซีอีโอเป็นการชั่วคราว หลังจากที่การลาออกของ Spaulding มีผลเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (5 มกราคม)
ทั้งนี้ Spaulding เข้าร่วมบริษัทในปี 2019 ในฐานะประธาน ก่อนที่จะรั้งตำแหน่งซีอีโอในปี 2021
ส่วนพนักงานที่ได้รับผลกระทบ Lake กล่าวว่า ทางบริษัทจะให้การคุ้มครองสุขภาพจนถึงเดือนเมษายน และจ่ายค่าจ้างชดเชยอย่างน้อย 12 สัปดาห์ ซึ่งจำนวนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นตามอายุงาน
ขณะที่ในส่วนของ Lake กล่าวว่า แม้จะเสียใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่โดยส่วนตัว Lake ยังคงเชื่อมั่นในพันธกิจและวิสัยทัศน์ของ Stitch Fix
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้หุ้นของ Stitch Fix ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6% แต่โดยรวมแล้วหุ้นของ Stitch Fix สูญเสียมูลค่าไปกว่าครึ่งในปีนี้ ทำให้ตอนนี้มีมูลค่าน้อยกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์แล้ว
ก่อนหน้านี้ในเดือนมิถุนายน 2022 Stitch Fix ได้เคยประกาศปลดพนักงานกินเงินเดือนไปแล้วรอบหนึ่งที่ 15% หรือประมาณ 330 คนของพนักงานกินเงินเดือนทั้งหมด โดยการปลดพนักงานครั้งนั้นมีขึ้นท่ามกลางการเติบโตของอีคอมเมิร์ซที่ชะลอตัวในภาคการค้าปลีก
ทั้งนี้ Stitch Fix ได้รับการก่อตั้งและเปิดตัวในปี 2011 ก่อนจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหุ้นในปี 2017 และเพิ่งจะเติบโตแบบพุ่งพรวดในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ก่อนที่การเติบโตจะชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากผู้ซื้อจำนวนมากหันกลับไปซื้อเสื้อผ้าจากร้านค้ามากขึ้น ลดการช้อปปิ้งทางออนไลน์ บวกกับการที่บริษัทต้องเผชิญกับปัญหาต้นทุนที่สูงขึ้น
สถานการณ์การเลิกจ้างงานของบริษัทต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ โดยเฉพาะบริษัทด้านเทคโนโลยีกำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากบริษัททั้งหลายในอุตสาหกรรมต่างๆ นั้นเตรียมพร้อมสำหรับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2023
โดยก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งวัน ยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon เพิ่งจะประกาศปลดพนักงาน 18,000 ตำแหน่ง ขณะที่ Salesforce ระบุว่าเตรียมลดพนักงานบริษัทลง 10% และ Helen of Troy ซึ่งเป็นเจ้าของ Vicks, OXO และ Osprey ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคและความงามทั้งหลาย กำลังเลิกจ้างพนักงาน 10% ท่ามกลางอุปสงค์ที่ซบเซาและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกันมีรายงานจากแหล่งข่าววงในของ Genesis Trading ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้กู้ยืมคริปโตของกลุ่มสกุลเงินดิจิทัลของ Barry Silbert ระบุว่า ทางบริษัทตัดสินใจลดจำนวนพนักงานลง 30% เนื่องจากต้องเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากเจ้าหนี้และความเสี่ยงของการล้มละลาย
รายงานระบุว่า สัดส่วนดังกล่าวจะกระทบต่อพนักงานประมาณ 60 ตำแหน่ง หลังจากที่มีการปลดพนักงานไปแล้วทั้งหมด 145 ตำแหน่ง
โดยก่อนหน้านี้ทาง Genesis ได้เลิกจ้างพนักงานไปแล้ว 20% และเมื่อปีที่แล้วก็มีการเปลี่ยนตัวซีอีโอของบริษัท ขณะที่บริษัทคริปโตในเครือของ Silbert ซึ่งรวมถึง Grayscale Bitcoin Trust (GBTC) และ Foundry บริษัทขุดเหมืองคริปโต ก็ได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายของตลาดในปี 2022 และการล้มละลายของกองทุนป้องกันความเสี่ยงคริปโตอย่าง Three Arrows Capital
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เชือดไก่ให้ลิงดู? ‘อีลอน มัสก์’ เจ้าของคนใหม่ Twitter ลงดาบไล่ออก ‘พารัก อักราวาล’ ผู้รั้งตำแหน่งซีอีโอ แต่คาดจะได้รับเงินชดเชยมากถึง 1.6 พันล้านบาท
- วิศวกรซอฟต์แวร์รายหนึ่งเขียนระบาย ถูก Facebook ‘เลิกจ้าง’ หลังย้ายจากอินเดียมาแคนาดาได้เพียง 2 วัน
- นักเศรษฐศาสตร์เตือน จะเกิด ‘การเลิกจ้างครั้งใหญ่’ ในมนุษย์เงินเดือนกลุ่มเทคโนโลยี-การเงิน-อสังหา อันเกิดจาก ‘ภาวะเศรษฐกิจถดถอย’
อ้างอิง:
