หลังจบศึกฟุตบอลโลก 2022 หนึ่งในคำถามที่แฟนฟุตบอลทั่วโลกอยากรู้คำตอบคือเรื่องอนาคตของ คริสเตียโน โรนัลโด อีกหนึ่งสุดยอดตำนานตลอดกาลของวงการฟุตบอลยุคโมเดิร์นว่าจะตัดสินใจเลือกทางเดินต่อไปอย่างไรในอนาคต
โดยหลังจากที่โรนัลโดตัดสินใจ ‘แตกหัก’ กับอดีตทีมรักอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยการให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์ของ เพียร์ส มอร์แกน พิธีกรชื่อดัง ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังชาวโปรตุเกสสนิทและไว้ใจมากที่สุด ซึ่งเนื้อหาในการสัมภาษณ์ได้พาดพิงสโมสรอย่างรุนแรงในหลายประเด็น
เรื่องดังกล่าวทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีทางเลือกนอกจากการตะเพิดอดีตขวัญใจอันดับ 1 ของสโมสรออกจากทีมด้วยการขอยกเลิกสัญญากันระหว่างทั้งสองฝ่าย ซึ่งก็เป็นไปตามสิ่งที่ฝ่ายของโรนัลโดต้องการ เพื่อที่จะสามารถมองหาสโมสรใหม่ได้อย่างอิสระ
สิ่งที่หลายคนจับตาคือสโมสรแห่งใหม่จะเป็นทีมใด?
จะยังมีสโมสรในระดับท็อปของยุโรปที่อยากได้ตัวกองหน้าวัย 37 ปีที่ดูโรยราลงอย่างเห็นได้ชัดในปีนี้ไปร่วมทีมอีกไหม โดยเฉพาะทีมที่ยังอยู่ในเส้นทางการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
หรือจะเป็นลีกรองลงไปอย่างเมเจอร์ลีกซอกเกอร์ในสหรัฐอเมริกา หรือทางเลือกสุดท้ายที่แฟนฟุตบอลไม่อยากเห็นนักคือการตกลงปลงใจที่จะเลือกไปซาอุดีอาระเบียกับสโมสรอัล นาสเซอร์ ซึ่งถ้าเลือกแบบนี้หมายถึงการปิดฉากบอกลาชีวิตการเป็นนักฟุตบอลในระดับ Elite ของตัวเองลงเอาไว้เท่านี้
โดยดูเหมือนทิศทางข่าวในเวลานี้ โรนัลโดน่าจะเลือกทางเลือกสุดท้ายด้วยการย้ายไปปิดตำนานของตัวเองในดินแดนทะเลทราย
พร้อมกับข้อเสนอที่ยากเกินกว่าจะปฏิเสธได้
โรนัลโดกลายเป็นนักเตะฟรีเอเยนต์หลังถูกแมนฯ ยูไนเต็ดยกเลิกสัญญา
การตกลงปลงใจของ CR7
ตามรายงานจาก Marca และอีกหลายสำนัก ระบุตรงกันในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาว่าโรนัลโดตัดสินใจที่จะตอบรับข้อเสนอจากอัล นาสเซอร์ ในสัญญาระยะเวลา 7 ปี
เพียงแต่ก่อนที่จะตอบรับข้อเสนอนี้ สตาร์กองหน้าจอมถล่มประตูก็คิดหนักเช่นกัน
Marca จากสเปน เป็นสื่อแห่งแรกที่รายงานเรื่องข้อเสนอจากอัล นาสเซอร์ เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ซึ่งหลังจากนั้นได้มีการนำเสนอรายละเอียดเพิ่มเติมว่าสโมสรได้มีการตกลงในขั้นต้นกับโรนัลโดในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา
โดยที่ชะตาชีวิตของโรนัลโดได้ถูกขีดเส้นใหม่เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งเจ้าตัวได้แจ้งต่อทางอัล นาสเซอร์ว่าพร้อมที่จะเซ็นสัญญา เพียงแต่หลังจากนั้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตำนานผู้ยิ่งใหญ่ที่เป็นคู่ปรับฟ้าประทานของ ลิโอเนล เมสซี ได้ร้องขอเวลาในการไตร่ตรองข้อเสนออย่างถี่ถ้วนว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่
แต่เมื่อไม่มีสโมสรใดในยุโรปที่จะเปิดประตูต้อนรับเขา ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่โรนัลโดจะปฏิเสธอัล นาสเซอร์
เพราะนี่คือสโมสรแห่งเดียวที่ต้องการได้ตัวเขาไปร่วมทีมในเวลานี้ และอยู่บนเงื่อนไขที่น่าพอใจ
ข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้ และ Job Description ที่พิเศษ
ในข้อเสนอที่อัล นาสเซอร์มอบให้แก่โรนัลโดนั้นเป็นข้อเสนอที่สุดแสนเหลือเชื่อ
สัญญาระยะยาว 7 ปีนั้นมีมูลค่ารวมกันที่ 1 พันล้านปอนด์ หรือ 41.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากมายมหาศาลแบบไม่มีใครเทียบได้
ที่พิเศษคือในสัญญาระบุ Job Description ของโรนัลโดเอาไว้ 2 บทบาทด้วยกัน
- เป็นนักฟุตบอลในสัญญาระยะเวลา 2 ปีครึ่ง หรือถึงจบฤดูกาล 2025 และ
- เป็นทูตของประเทศซาอุดีอาระเบีย ในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2030
คิดเป็นตัวเลขง่ายๆ คือโรนัลโดจะได้รับเงินค่าตอบแทนในช่วงระยะเวลา 2 ปีครึ่งนี้ ปีละ 175 ล้านปอนด์ ซึ่งถ้าเปรียบให้เห็นภาพชัดๆ คือในขณะที่รับเงินค่าตอบแทนมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกกับแมนฯ ยูไนเต็ด ค่าเหนื่อยของโรนัลโดอยู่ที่ปีละ 26 ล้านปอนด์เท่านั้น
หรือพูดง่ายๆ คือค่าตอบแทนที่ซาอุดีอาระเบียมอบให้ปีเดียวนั้นมากกว่าการเล่นในพรีเมียร์ลีกถึง 7 เท่า
และหากเทียบกับเมสซี ซึ่งเป็นนักกีฬาชายที่ทำเงินรายได้สูงสุดในปี 2022 ค่าตอบแทนที่เมสซีได้รับจากการทำผลงานในสนาม (ไม่นับ Endorsement) อยู่ที่ 62 ล้านปอนด์ โรนัลโดก็จะได้ค่าตอบแทนสูงกว่าร่วม 100 ล้านปอนด์เลยทีเดียว
โรนัลโดจะทำเงินรายได้จากการเล่นมากกว่า เลอบรอน เจมส์, สเตฟ เคอร์รี, คาเนโล อัลวาเรซ หรือ ทอม เบรดี ด้วย
ตัวเลขข้อเสนอมหาศาลนี้เป็นเงินชดเชยที่ทางซาอุดีอาระเบียมอบให้แก่โรนัลโด เพื่อแลกกับการยอมมาใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิตการเล่นในดินแดนทะเลทราย
แต่มันไม่ได้พิเศษแค่นั้น
View this post on Instagram
ภาพโรนัลโดโขกหมากรุกกับเมสซี สร้างความฮือฮาอย่างมากก่อนฟุตบอลโลก 2022
โรนัลโด & เมสซี การจับมือกันของคู่ปรับฟ้าประทาน
สิ่งที่พิเศษมากที่สุดของเรื่องนี้ไม่ใช่การซื้อตัวโรนัลโดมาโชว์ตัวในริยาดเท่านั้น
เบื้องหลังจริงๆ เป็นเรื่องของโปรเจกต์ในการใช้เกมกีฬาเพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของประเทศ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพลักษณ์ของซาอุดีอาระเบียในสายตาประชาคมโลกเข้าขั้นเลวร้าย ฟุตบอลจึงเป็นหนึ่งในเครื่องมือของการใช้กีฬาฟอกขาว (Sportswashing)
โดยซาอุดีอาระเบียหวังที่จะเดินตามรอยของกาตาร์ด้วยการเสนอตัวจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 2030 ซึ่งจะเป็นฟุตบอลโลกที่พิเศษ เพราะเป็นวาระครบรอบ 100 ปีของรายการลูกหนังแห่งมวลมนุษยชาติ แต่จะเพิ่มโอกาสด้วยการขอเสนอตัวเป็นเจ้าภาพร่วมกับกรีซและอียิปต์ เพื่อเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกครั้งแรกที่จัดขึ้นใน 3 ทวีปพร้อมกัน (เอเชีย, ยุโรป และแอฟริกา) แต่แน่นอนว่าผู้ที่ออกทุนให้คือซาอุดีอาระเบียที่มีความพร้อมมากกว่า
เพื่อเพิ่มโอกาสสูงสุดในการเป็นเจ้าภาพ ทางด้านซาอุดีอาระเบียต้องการคนที่มีภาพลักษณ์ที่ดีและได้รับการยอมรับในระดับสูงสุด ซึ่งโรนัลโดก็เป็นหนึ่งในคนที่พวกเขาต้องการด้วยอีกคน
นั่นทำให้ระยะเวลาส่วนใหญ่ในสัญญาของโรนัลโดคือการเป็นทูตให้กับเจ้าภาพอย่างซาอุดีอาระเบีย
เพียงแต่โรนัลโดไม่ได้เป็นคนเดียว เพราะซาอุดีอาระเบียกำลังวาดหวังว่าพวกเขาจะสามารถดึง ลิโอเนล เมสซี มาเป็นทูตในการเสนอตัวจัดการแข่งขันด้วยอีกคน ซึ่งหากทำได้ก็จะเป็นการผนึกกำลังกันครั้งแรกของคู่ปรับฟ้าประทานที่คาดว่าในปี หรือ 2 ปีข้างหน้า ก็พร้อมจะอำลาสนามกันอย่างเป็นทางการ
ราชาลูกหนังโลกอย่างเปเลก็เคยไปเล่นในสหรัฐอเมริกาในช่วงโค้งสุดท้ายของชีวิตเช่นกัน
การย้ายไปลีกรองไม่ใช่เรื่องแปลก
ทั้งนี้ แม้การย้ายไปเล่นในลีกที่มีคุณภาพต่ำกว่าลีกระดับท็อปของโลกอย่างซาอุดีอาระเบียจะเป็นทางเลือกที่แฟนฟุตบอลทำใจยอมรับได้ยาก โดยเฉพาะกับนักเตะที่อยู่บนจุดสูงสุดของโลกมายาวนานกว่า 20 ปีอย่างโรนัลโด
แต่การย้ายไปในลีกรองแบบนี้ในช่วงบั้นปลายชีวิตการเล่นของนักฟุตบอลไม่ใช่เรื่องแปลก
เพราะในวัยที่กำลังวังชามันถดถอย ร่างกายไม่ตอบสนองเหมือนเก่า บวกกับชื่อเสียงและบารมี นักเตะระดับโรนัลโดจะไปอยู่ทีมไหนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับทีมนั้นที่จะต้องมีการวางแผนเป็นอย่างดีที่จะใช้ประโยชน์อย่างสูงสุดในสนาม ในขณะที่สโมสรต้องจ่ายค่าเหนื่อยมหาศาล
การไปอยู่ลีกรองที่จะได้เงินค่าตอบแทนมหาศาลจึงเป็นทางเลือกที่ยอดนักเตะในอดีตต่างก็เคยทำมาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น เปเล, ฟรานซ์ เบคเคนเบาเออร์, โยฮัน ครัฟฟ์ ซึ่งเคยไปเล่นในสหรัฐอเมริกาในช่วงบั้นปลาย
แกรี ลินิเกอร์, เดวิด เบ็คแฮม, เธียร์รี อองรี ก็เคยไปค้าแข้งกับเมเจอร์ลีกซอกเกอร์เช่นกัน
และสำหรับกรณีของโรนัลโด การยอมรับข้อเสนอจากซาอุดีอาระเบียนั้นก็อาจเป็นทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่สำหรับเวลานี้
นอกจากข้อเสนอที่มากมายมหาศาลที่ยากจะมีนักฟุตบอลคนไหนในโลกที่ได้รับแบบนี้อีก มันคือเรื่องของการที่อย่างน้อยที่สุดนี่ก็เป็นข้อเสนอจากฝ่ายเดียวที่มองเห็นคุณค่าในตัวของเขาที่เหลืออยู่ในเวลานี้
ในเวลาที่แทบไม่มีใครมองเห็นสิ่งนั้นอีกแล้ว
สำหรับคนที่เจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบากตลอด 1 ปีที่ผ่านมา โรนัลโดอาจจะไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่าคนที่ต้องการและมองเห็นคุณค่าในตัวของเขาจริงๆ
เพียงแต่สิ่งที่เล่ามาทั้งหมดจะเป็นความจริงหรือไม่นั้น อีกไม่นานเราจะทราบคำตอบที่ชัดเจน ไม่เกินปีใหม่แน่นอน
ป.ล. สมมติถ้าอัล นาสเซอร์เซ็นสัญญาแล้วปล่อยให้นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ยืมใช้งานต่อไปครึ่งฤดูกาลก่อนจะเป็นไปได้ไหม?
อ้างอิง:
- https://saudigazette.com.sa/article/628232
- https://www.marca.com/en/football/transfer-market/2022/12/22/63a440a6e2704e3b3f8b4585.html
- https://www.dailymail.co.uk/news/article-11565365/Life-luxury-awaits-Cristiano-Ronaldo-Saudi-Arabia-Star-player-snap-12-2m-palace.html
- https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/cristiano-ronaldo-next-club-saudiarabia-28795178