เข้าสู่ช่วงปลายปีกันแล้ว หมอกหนาๆ ที่ปกคลุมภาคการลงทุนก็เริ่มจางๆ ลงบ้างแล้ว จนเริ่มเห็นภาพข้างหน้าชัดเจนขึ้นว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) ที่เคยปรับขึ้นแบบติดสปีดก็อาจจะเริ่มปรับขึ้นช้าลงแล้ว เพราะตัวเลขเงินเฟ้อเริ่มโตช้าลง และพอถึงจุดหนึ่งในปี 2023 Fed ก็อาจจะหยุดขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย (Recession) เริ่มมากขึ้นทุกที
คำถามคือ ในภาวะแบบนี้นักลงทุนควรจะทำอะไร
ในมุมมองของ SCB CIO ก็มองว่า ช่วงนี้เป็นเวลาที่ดีของการเตรียมเงินสดเข้าไปลงทุน เก็บเกี่ยวโอกาสทั้งจากการลงทุนในตราสารหนี้และหุ้น โดยให้เน้นไปที่ตราสารหนี้คุณภาพดี ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตอยู่ในระดับที่ลงทุนได้ (Investment Grade) และการคัดเลือกหุ้นเชิงรับ (Defensive) ที่มีความผันผวนน้อยกว่าตลาด โดยเฉพาะกลุ่มสุขภาพ (Healthcare) ที่ราคายังถูกกว่าหุ้น Defensive กลุ่มอื่นๆ
นอกจากนี้ ถ้าท่านเป็นลูกค้า Private Banking ที่มีความมั่งคั่งทางการเงินสูง ก็ต้องบอกว่าท่านจะมีโอกาสที่ดีมากขึ้นไปอีก จากการที่มีอาวุธลับทางการเงินเพิ่มเติมจากนักลงทุนทั่วไป เพราะท่านสามารถใช้ Lombard Loan ซึ่งเป็นสินเชื่อเพื่อการลงทุน ที่ให้ท่านนำสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น หุ้นกู้ และกองทุนรวม มาใช้เป็นหลักประกัน ขอวงเงินสินเชื่อไปลงทุนได้
มาถึงตรงนี้บางท่านอาจรู้สึกว่า ในเมื่อมีความมั่งคั่งสูง มีสินทรัพย์อยู่แล้ว ทำไมต้องไปเป็นหนี้ ต้องไปเสียดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อเอาเงินมาลงทุน จะคุ้มกันหรือ
ก็ต้องบอกว่า ถ้าท่านมีเงินสดมากเพียงพอสำหรับเก็บเกี่ยวโอกาสลงทุน ท่านก็อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธนี้ เพียงแต่ Lombard Loan ก็เป็นอาวุธติดมือที่ท่านมีและหยิบมาใช้ได้ทันทีที่ต้องการ เพราะบางครั้งท่านอาจจะมีความจำเป็นต้องสำรองเงินสดเอาไว้ใช้หมุนเวียนในธุรกิจ หรือไปใช้จ่าย ซึ่งเงินก้อนนี้ก็อาจจะไม่เหมาะสำหรับการนำมาลงทุน
แต่เมื่อท่านมีสินทรัพย์ทางการเงินอยู่ ท่านอาจจะอยากถือสินทรัพย์เหล่านี้ไว้นานๆ ไม่ได้ต้องการขายในเวลาอันใกล้นี้ Lombard Loan ก็เป็นอาวุธที่ดีที่ช่วยให้ท่านเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินได้ โดยไม่จำเป็นต้องขายสินทรัพย์ที่ยังไม่ได้มีความต้องการขายออกมา
ถึงแม้ว่าการนำสินทรัพย์ทางการเงินไปขอวงเงินกู้ จะทำให้ท่านต้องเสียดอกเบี้ยเงินกู้ และการลงทุนก็มีความเสี่ยงการขาดทุนได้อยู่ แต่โดยปกติแล้วธนาคารก็จะมีทีมที่ปรึกษาคอยดูแลท่าน เพื่อประเมินว่าท่านมีความสามารถรับความเสี่ยงได้แค่ไหน มีภาระการเงินอะไรที่รออยู่ในระยะข้างหน้าบ้าง เพื่อจะจัดพอร์ตลงทุน แบ่งสัดส่วนลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย (Asset Allocation) ให้เหมาะสมกับท่าน ซึ่งโดยปกติแล้วธนาคารก็จะจัดพอร์ตโดยเน้นคาดหวังกระแสเงินสดรับ เพื่อให้ได้ผลตอบแทน 2-5% หลังหักอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ออกไปแล้ว
สรุปแล้ว Lombard Loan ก็เปรียบเสมือนอาวุธพร้อมใช้ที่ท่านเลือกหยิบมาได้เมื่อต้องการ เพื่อช่วยให้ท่านมีโอกาสที่มากขึ้นในการลงทุนหาผลตอบแทน ต่อยอดความมั่งคั่งด้วยมูลค่าสินทรัพย์ที่มีอยู่ ก็หวังว่าท่านจะเข้าใจ Lombard Loan และเลือกใช้เป็นตัวช่วยได้ตรงเวลาและสอดคล้องกับสภาวะที่โอกาสกำลังเดินมาหาครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- คัด 10 หุ้นราคาต่ำ 10 บาท P/E ต่ำ ปันผลสูง ราคา YTD ยังบวก
- ทองคำ กำลังไหลเข้าเอเชีย ท่ามกลางดอกเบี้ยโลกที่กำลังขึ้นต่อเนื่อง
- เงินบาทอ่อนค่าทะลุ 37 บาทต่อดอลลาร์เป็นที่เรียบร้อย ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 16 ปี