อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชื่อดัง เก็บตัวเงียบ หลังผลโหวตผู้ใช้ Twitter กว่า 57.5% ลงคะแนนเสียงให้ก้าวลงจากตำแหน่ง CEO ของ Twitter พร้อมใจตอบโต้เหตุที่เขาสร้างความขัดแย้งไม่เว้นวันหลังเข้ารับตำแหน่งได้ไม่กี่เดือน
The New York Times รายงานว่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อีลอน มัสก์ CEO ของ Twitter ได้สร้างโพลถามผู้ใช้ว่าตัวเขาควรลงจากตำแหน่งผู้นำของ Twitter หรือไม่ มีการโหวตเกิดขึ้นกว่า 17 ล้านครั้ง โดยผลกว่า 57.5% บอกว่าเขาควรลงจากตำแหน่งได้แล้ว และแน่นอนว่าก่อนหน้านี้มัสก์บอกว่าจะปฏิบัติตามผลลัพธ์ของผลโพล แต่ตอนนี้ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘อีลอน มัสก์’ เปิดโพลสำรวจ เขาควรลาออกจากตำแหน่ง CEO ของ Twitter หรือไม่? พร้อมยินดีทำตามผลความคิดเห็น
- อดีตพนักงานเชื่อ อีลอน มัสก์ เป็นส่วนผสมของ Einstein, Tesla และ Rockefeller ถึงอย่างนั้นแม้แต่แม่ของเขาก็ยังยอมรับว่าไม่มีใครอยากเป็นเขา
- นักเขียนชีวประวัติเผย บุคลิกที่ต้องมีหากต้องการประสบความสำเร็จได้อย่าง อีลอน มัสก์, บิล เกตส์ และ สตีฟ จ็อบส์
ทั้งนี้ หากมัสก์ทำตามคำพูดจริง ตัวเขาจะส่งต่อหัวเรือของแพลตฟอร์มที่ซื้อมาด้วยมูลค่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปลายเดือนตุลาคมของปี 2022 และอาจเป็นบทสุดท้ายของเรื่องราวสุดแสนปั่นป่วนระหว่างเขากับ Twitter
หากย้อนกลับไปในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว Twitter ได้ระงับหลายบัญชีที่ติดตามเที่ยวบินส่วนตัวของบุคคลอื่น รวมถึงบัญชีที่ติดตามเครื่องบินส่วนตัวของมัสก์ ตามนโยบายใหม่ที่ห้ามให้ผู้ใช้แบ่งปันตำแหน่งที่ตั้งแบบเรียบไทม์ของบุคคลอื่น
อีกทั้งยังระงับบัญชีของนักข่าวจาก The New York Times, The Washington Post และ CNN ไปพร้อมกัน และได้ทำผลโพลบน Twitter ถามผู้ใช้ว่าพวกเขาควรได้รับอนุญาตให้กลับมาบนแพลตฟอร์มหรือไม่ ก่อนที่นักข่าวจะได้รับการปลดแบน
กระทั่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา Twitter ได้ประกาศนโยบายใหม่ที่ขัดขวางไม่ให้ผู้ใช้แชร์ลิงก์หรือชื่อผู้ใช้จากแพลตฟอร์มโซเชียลอื่นๆ เช่น Instagram, Facebook และ Mastodon แต่ขณะนี้ได้ลดหย่อนนโยบายดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้การเป็นเจ้าของ Twitter อาจกำลังทำให้ธุรกิจอื่นๆ ของเขาซบเซาลง โดยนับตั้งแต่ปิดดีลTwitter ได้ มูลค่าของ Tesla ก็ดิ่งลงเรื่อยๆ หุ้นของบริษัทลดลงจาก 225 ดอลลาร์สหรัฐต่อจุด ซึ่งเกิดขึ้นในวันที่เขาปิดดีล สู่ 150 ดอลลาร์สหรัฐ ตอนตลาดปิดในวันศุกร์ที่ผ่านมา
ยิ่งไปกว่านั้นมัสก์ยังเปิดเผยอีกว่า เขาได้ขายหุ้นของ Tesla มูลค่า 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นเงินทุนสำหรับแพลตฟอร์ม Twitter ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ได้ให้สัญญาในเดือนเมษายนว่าจะหยุดขายหุ้น
อย่างไรก็ตาม การหันไปโฟกัสที่ Twitter แทนลูกรักอย่าง Tesla กำลังเป็นปัญหาใหญ่สำหรับนักลงทุน และน่าจะเป็นเบื้องหลังของผลลัพธ์แบบสอบถามดังกล่าว ที่ผู้สนับสนุนของมัสก์ต้องการให้เขาก้าวลงจากตำแหน่ง CEO Twitter
ด้าน แดเนียล อีฟส์ และจอห์น แคตซิงกริส นักวิเคราะห์จาก Wedbush Securities ระบุว่า การลาออกของมัสก์ถือว่าเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่
อ้างอิง: