บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ยอมรับว่า Norwegian Pension Fund Global ได้มีการขายหุ้นของ OR กับบริษัทแม่ คือ บมจ.ปตท. (PTT) ที่ถืออยู่ทั้งหมดออกมาจริง โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลตัวเลข โดยสาเหตุของการขายหุ้นนั้นคาดว่าส่วนหนึ่งเป็นนโนยบายการลงทุนของกองทุนในยุโรปที่ต้องการให้ความสำคัญในด้านความยั่งยืน (ESG) จึงเริ่มทยอยถอนการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันและก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นธุรกิจทำลายทรัพยากรของโลก
แหล่งข่าวผู้บริหาร บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก หรือ OR ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD WEALTH ว่า สำหรับกรณีที่ Norwegian Pension Fund Global อ้างเหตุผลในการขายว่า OR มีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในเมียนมาน่าจะเป็นปัจจัยเร่งให้กองทุนยุโรปขาย รวมถึง PTT ที่อยู่ในฐานะบริษัทแม่
อย่างไรก็ดี OR ขอยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนสนับสนุนหรือเกี่ยวข้องกับกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในเมียนมา เนื่องจากจุดประสงค์การเข้าไปในเมียนมาของบริษัทคือการเข้าไปประกอบธุรกิจ แต่อาจถูกมองว่า OR มีส่วนไปร่วมทุนกับกลุ่มธุรกิจของเมียนมาที่มีความเกี่ยวข้องกับคณะรัฐประหาร จึงถูกมองว่าเกี่ยวข้องทางอ้อมกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ทั้งนี้ หลังเกิดประเด็นทีมผู้บริหาร OR ได้เริ่มหารือร่วมกันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 16-17 ธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อทำแผนธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึงได้ชี้แจงให้ข้อมูลกับนักลงทุนเพื่อทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิด ซึ่งก็มีความเข้าใจที่ดีถึงลักษณะการลงทุนของกองทุนยุโรป อีกทั้งบริษัทมีกองทุนประเภทนี้ถือหุ้นเป็นสัดส่วนไม่ได้มาก
ด้านราคาหุ้นของ OR ที่ปรับตัวลงต่ำในรอบประมาณ 1 ปี ยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นความตระหนกจากกระแสข่าวดังกล่าวที่เกิดขึ้น แต่ขอยืนยันว่าไมได้มีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัท เพราะธุรกิจในเมียนมายังอยู่ในช่วงเริ่มซึ่งใช้เงินลงทุนไปไม่มาก อีกทั้งยังไม่ได้เริ่มดำเนินธุรกิจ และปัจจุบันได้ชะลอการแผนการลงทุนไปแล้วเพื่อรอติดตามดูสถานการณ์
“การลงทุนของ OR ที่เข้าไปเริ่มลงทุนในเมียนมาก่อนหน้านี้เป็นช่วงก่อนเกิดรัฐประหาร ซึ่งสหรัฐอเมริกามีนโยบายสนับสนุนให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในเมียนมา แต่พอมีรัฐประหารเมื่อต้นปี 2021 สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป ทำให้ OR ชะลอไปก่อน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราพอทราบอยู่แล้ว ซึ่งตั้งแต่ต้นปีนี้ก็เราก็หยุดการลงทุนธุรกิจคลังน้ำมันในเมียนมา ไม่ใส่เงินสดเข้าลงทุนไปเลย เพื่อรอสถานการณ์ ส่วนจะถึงขั้นต้อง Divest ยังต้องขอรอดูสถานการณ์อีกครั้งว่าจะมีการพลิกผันกลับมาหรือไม่ แต่เรื่องนี้ไม่ได้มีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัท เพราะยังเป็นช่วงเริ่มต้นเข้าไปลงทุน ยังไม่ได้เริ่ม Comercial จึงยังไม่ได้ใช้เงินเยอะ”
ด้านสำนักข่าว Reuters รายงานว่า กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของนอร์เวย์ประกาศจะถอนการลงทุน PTT และ OR โดยให้เหตุผลว่าทั้ง 2 บริษัทมีส่วนช่วยกองทัพเมียนมาให้มีแหล่งรายได้ที่สามารถใช้เป็นเงินทุนในการปฏิบัติการทางทหารและละเมิดต่อสิทธิมนุษยชน
คณะกรรมการบริหารกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของนอร์เวย์ ซึ่งมีมูลค่า 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ตัดสินใจถอนการลงทุนบริษัท Cognyte Software Ltd ซึ่งเป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยและการวิเคราะห์ในอิสราเอล, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT และบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ของประเทศไทย โดยอ้างถึงความเสี่ยงที่กองทุนยอมรับไม่ได้เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน
โดยสภาจริยธรรมของกองทุนดังกล่าวยังระบุว่า ความร่วมมือของบริษัทไทยกับบริษัทของรัฐบาลและกองทัพเมียนมามีส่วนทำให้กองทัพมีแหล่งรายได้จำนวนมาก ที่สามารถใช้เป็นเงินทุนในการปฏิบัติการทางทหารและละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนได้
พร้อมทั้งอ้างถึงความเสี่ยงที่ยอมรับไม่ได้ ที่บริษัทมีส่วนในการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างร้ายแรงในสถานการณ์สงครามหรือความขัดแย้ง
ทั้งนี้ เมียนมากำลังเผชิญความวุ่นวาย นับตั้งแต่กองทัพเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2021 และใช้กำลังอย่างรุนแรงเพื่อปราบปรามการประท้วง
ทั้งนี้ ทาง PTT และ OR ยังไม่ออกมาตอบการขอความคิดเห็นจาก Reuters เช่นเดียวกับโฆษกรัฐบาลทหารเมียนมา
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เคยกล่าวว่าจะเข้าครอบครองกิจการแหล่งก๊าซยาดานาในเมียนมา หลังจากบริษัท TotalEnergies ของฝรั่งเศสประกาศออกจากเมียนมา
โดย PTTEP กล่าวว่า บริษัทตระหนักดีว่าการเข้าถึงพลังงานอย่างเท่าเทียมกันเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่ทุกคนมีสิทธิ์ได้รับ
สำหรับกรณีของ Cognyte สภาจริยธรรมของกองทุนกล่าวว่า หลายรัฐซึ่งกล่าวว่าเป็นลูกค้าของผลิตภัณฑ์และบริการด้านการเฝ้าระวังของบริษัทถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง อย่างไรก็ตาม Cognyte ยังไม่ได้ออกมาตอบสนองต่อคำร้องขอความคิดเห็น
กองทุนยังเปิดเผยว่าการตัดสินใจครั้งนี้ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของสภาจริยธรรมตั้งแต่เดือนพฤษภาคมและมิถุนายน โดยไม่ได้กล่าวถึงสัดส่วนการถือหุ้นของกองทุนในบริษัทเหล่านี้ และไม่ตอบสนองต่อคำร้องขอความคิดเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับการถอนการลงทุน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- PTTEP – 3Q65 กำไรสุทธิสูงกว่าคาด เพราะรายการพิเศษ
- PTT – พรีวิวงบ 3Q65 คาดกำไรลดลง
- ‘PTT’ เน้นกลยุทธ์ ‘3P’ ขับเคลื่อนลดก๊าซเรือนกระจก มุ่งสู้เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050
อ้างอิง: