เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 บมจ.แสนสิริ (SIRI) รายงานกำไรสุทธิ 3Q65 ที่น่าประทับใจ และสูงกว่าตลาดคาดที่ 1.26 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 102%YoY และ 38%QoQ) โดยได้รับการสนับสนุนจาก 1. อัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่ง 2. ค่าใช้จ่าย SG&A ระดับต่ำ และ 3. ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยระดับต่ำ รายได้อยู่ที่ 8.6 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 23.6%YoY และ 19.3%QoQ) อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 32.8% ดีขึ้นเล็กน้อยทั้ง YoY และ QoQ โดยเกิดจากมาร์จิ้นที่แข็งแกร่งจากบ้านเดี่ยว
อัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อยอดขายอยู่ที่ 17.9% ต่ำสุดในรอบ 8 ไตรมาส ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง 63%YoY และ 55%QoQ จากการนำที่ดินที่มีอยู่มาพัฒนาโครงการเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ดอกเบี้ยของที่ดินที่นำมาพัฒนา สามารถบันทึกเป็นต้นทุนได้ แทนการบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายทางการเงิน สำหรับ 9M65 SIRI รายงานกำไรสุทธิ 2.48 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 48.6%YoY)
กระทบอย่างไร:
ราคาหุ้น SIRI ปรับเพิ่มขึ้น 3.01%DoD สู่ระดับ 1.37 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 0.37%DoD สู่ระดับ 1,629.38 จุด (ณ 15 พฤศจิกายน 2565)
แนวโน้มผลประกอบการปี 2565-2566:
ปัจจุบัน SIRI มี Backlog มูลค่า 2.07 หมื่นล้านบาท โดย 42% จะรับรู้เป็นรายได้ใน 4Q65, 42% ในปี 2566 และ 15% ในปี 2567
InnovestX Research ปรับประมาณการรายได้ปี 2565 เพิ่มขึ้น 6% สู่ 3.3 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 15%YoY) โดยได้รับการสนับสนุนจาก Backlog ที่แข็งแกร่ง และปรับประมาณการกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 45% สู่ 3.9 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 97%YoY)
โดยเกิดจาก 1. การปรับประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 30.7% สู่ 32.4% เพื่อสะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นโครงการแนวราบที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะโครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑา ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นแข็งแกร่งที่ 55% โดยจะมีการรับรู้รายได้ใน 4Q65 จำนวน 1.5 พันล้านบาท
- การปรับประมาณการอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อยอดขายลดลงจาก 21.5% สู่ 20.2%
- ส่วนแบ่งกำไรจาก JV ดังนั้นกำไร 4Q65 น่าจะทำจุดสูงสุดที่ 1.48 พันล้านบาท
ขณะที่ปรับประมาณการกำไรปี 2566 เพิ่มขึ้น แต่จะลดลงเล็กน้อย YoY เนื่องจาก SIRI วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่าราว 6.0 หมื่นล้านบาท ในปี 2566 เมื่อรวมกับ Backlog ในปี 2566 จึงปรับประมาณการรายได้ปี 2566 เพิ่มขึ้น 15% สู่ 3.55 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 8%YoY)
โดย Backlog รองรับรายได้ที่คาดการณ์ไว้แล้ว 25% ในขณะที่ปรับประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 30.7% สู่ 32.1% จากการรับรู้รายได้จาก Backlog ที่เหลือของโครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑา ภายในปี 2566 ดังนั้นจึงปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 เพิ่มขึ้น 35% สู่ 3.7 พันล้านบาท (ลดลง 5%YoY)
การเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มใน 4Q65 จะทำยอดขายได้สูงกว่าเป้าที่วางไว้ในปี 2565 ใน 9M65 SIRI เปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้วรวม 29 โครงการ มูลค่า 3.28 หมื่นล้านบาท ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน บริษัททำยอดขายได้แล้ว 3.23 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 92% ของเป้ายอดขายปี 2565 ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 34%YoY) โดยได้รับการสนับสนุนจากกระแสตอบรับที่ดีต่อโครงการแนวราบกลุ่มตลาดระดับบนและลักชัวรี
ใน 4Q65 SIRI วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่รวม 12 โครงการ มูลค่า 1.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งรวมถึงโครงการบ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์นในกลุ่มซูเปอร์ลักชัวรีแบรนด์ ‘บูก้าน’ และกลุ่มลักชัวรีดั้งเดิมแบรนด์ ‘นาราสิริ’ รวมถึงคอนโดใหม่แบรนด์ ‘FLO’ ในย่านคลองสาน มูลค่า 2 พันล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าความหลากหลายของโครงการใหม่จะตอบสนองความต้องการทั้งที่มีอยู่ในปัจจุบันและในอนาคตได้ โดยได้รับการสนับสนุนจากการผ่อนคลายมาตรการ LTV ที่กำลังจะสิ้นสุดลงในไม่ช้านี้
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน InnovestX Research ให้ Tactical Call สำหรับ SIRI ไว้ที่ NEUTRAL ด้วยราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 1.68 บาทต่อหุ้น (ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 1.41 บาท) อ้างอิง PE 7.1 เท่า (+0.25SD) ลดลงจาก PE ก่อนหน้านี้ที่ 8.35 เท่า (+0.5SD) เนื่องจากกำไรปี 2566 จะลดลงเล็กน้อย และจะต้องจับตาดูสถานะทางการเงินของ SIRI
ปัจจัยเสี่ยงและความกังวล สถานะทางการเงินของ SIRI เป็นสิ่งที่ต้องจับตา เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนในปัจจุบันอยู่ที่ 2.1 เท่า และบริษัทวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 15-20% สู่ 6.0 หมื่นล้านบาท ในปี 2566 ขณะที่อสังหาริมทรัพย์ที่กำลังพัฒนาเพื่อขาย ณ 3Q65 มีมูลค่าสูงถึง 8.5 หมื่นล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 8 หุ้นเนื้อทอง เซียนหุ้น รุมตอม ร่วมลงทุนติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่
- 9 หุ้น จ่ายเงินปันผลสูงมากกว่า 5% ตลอด 5 ปี แถมราคาตั้งแต่ต้นปียังบวก
- 10 หุ้น ขึ้น XD จ่ายเงินปันผลสูงสุดในรอบเดือน ก.ย. 65