อีลอน มัสก์ ซีอีโอจาก SpaceX และ Tesla กล่าวในชั้นศาลเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (16 พฤศจิกายน) ว่าเขาไม่ต้องการเป็นซีอีโอของบริษัทใดอีก โดยล่าสุดเขาได้เข้าซื้อกิจการ Twitter ยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียและแต่งตั้งตัวเองเป็นซีอีโอของบริษัท
มัสก์ยืนยันว่าการจัดการที่ Twitter นั้นเป็นการชั่วคราวเท่านั้น “ผมคิดไว้ว่าจะลดเวลาที่ Twitter ลง และหาคนอื่นมาแทนในอนาคต” เขากล่าว
เขาและ Tesla กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดี ณ ศาลที่เดลาแวร์ เรื่องรายได้จากแพ็กเกจเสริมที่บริษัทมอบให้ซีอีโอเป็นค่าตอบแทนในปี 2018 ซึ่งช่วยให้มัสก์กลายเป็นมหาเศรษฐีและบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- อีลอน มัสก์ คุยกับพนักงาน Twitter เป็นครั้งแรกด้วยการบอกว่าบริษัทสามารถที่จะ ‘ล้มละลาย’ ได้ พร้อมกระตุ้นให้ทุกคนทำงานอย่างหนักหน่วง
- เธอคนนั้นคือฉันอีกคน! Twitter กำลังต่อสู้กับผู้แอบอ้างมากมายบนแพลตฟอร์ม หลังเปิดตัวระบบ Verified หรือติ๊กถูกแบบจ่ายเงิน
- ไม่แปลกหากแบรนด์ไม่ปลื้ม! ‘อีลอน มัสก์’ เจ้าของคนใหม่ Twitter กำลัง ‘ข่มขู่นักโฆษณา’ ที่หยุดการใช้เงิน ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดนัก
โดยผู้ถือหุ้นอย่าง ริชาร์ด เจ. ทอร์เนตตา ได้ฟ้องร้องทั้งมัสก์และ Tesla โดยกล่าวหาว่าค่าตอบแทนของซีอีโอนั้นสูงเกินไป และการที่ถูกอนุญาตโดยคณะกรรมการของ Tesla ก็เท่ากับเป็นการฝ่าฝืนหน้าที่
มัสก์อธิบายระหว่างช่วงให้การของพยานว่า ซีอีโอไม่ใช่คำที่เหมาะสมสำหรับงานที่เขาทำที่บริษัท
“ที่ SpaceX ผมรับผิดชอบด้านวิศวกรรมจรวด และที่ Tesla สำหรับเทคโนโลยีในรถยนต์ไฟฟ้าที่ทำให้มันประสบความสำเร็จ” เขากล่าว “ดังนั้นส่วนใหญ่ซีอีโอมักถูกมองว่าเป็นบทบาทที่ค่อนไปทางธุรกิจมากกว่า แต่ความจริงแล้วบทบาทของผมคือวิศวกรที่พัฒนาเทคโนโลยีและทำให้แน่ใจว่าเราสามารถพัฒนาเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำได้ และเรามีทีมวิศวกรอันยอดเยี่ยมที่สามารถบรรลุเป้าหมายพวกนั้นได้”
“จากประสบการณ์ส่วนตัว ทีมวิศวกรที่ยอดเยี่ยมจะทำงานให้วิศวกรที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น และนั่นคือหน้าที่อันดับแรกของผม ไม่ใช่ซีอีโอ” เขากล่าวเสริม
และทนายความยังถามเขาอีกว่าเป็นความคิดที่ดีหรือไม่ที่เขา (มัสก์) ได้แสดงทัศนคติต่อต้านหน่วยงานกำกับดูแล และเจาะจงว่าเป็นคำสบประมาทที่เขาเคยพาดพิงถึงสำนักงาน ก.ล.ต.
“ปกติแล้วผมคิดว่าภารกิจของ ก.ล.ต. นั้นดี แต่คำถามคือภารกิจดังกล่าวถูกดำเนินการอย่างถูกต้องหรือไม่” เขาตอบ “แต่บางกรณีผมว่ามันไม่ใช่ โดย ก.ล.ต. ล้มเหลวในการตรวจสอบสิ่งที่พวกเขาควรตรวจสอบ และให้ความสำคัญกับสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องมากเกินไป อย่างล่าสุดก็ FTX ที่ผมคิดว่าคือตัวอย่างนั้น ทำไมไม่มีใครสนใจ FTX? นักลงทุนสูญเงินหลายพันล้าน แต่ ก.ล.ต. ยังไล่ล่าผมต่อแม้ว่าผู้ถือหุ้นจะได้รับผลตอบแทนอย่างดี มันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย”
อ้างอิง: