จากข้อมูลของ Goldman Sachs Group ระบุว่า มูลค่าการใช้อัตราทดสุทธิ (Net Leverage) ภายใต้ธุรกิจ Prime Brokerage ซึ่งให้บริการด้านการลงทุนกับนักลงทุนรายใหญ่ เช่น เฮดจ์ฟันด์ มีตัวเลขลดลง 20% มาสู่ระดับ 66% สอดคล้องกับตัวเลขของ Prime Brokerage ภายใต้ Morgan Stanley ที่ลดลงมาเหลือ 41%
ทั้งนี้ Goldman Sachs และ Morgan Stanley เป็นสองบริษัทที่มีธุรกิจ Prime Brokerage ใหญ่ที่สุดในโลก โดยแต่ละบริษัทให้บริการลูกค้าเฮดจ์ฟันด์อยู่ประมาณ 5,000 ราย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 8 หุ้นเนื้อทอง เซียนหุ้น รุมตอม ร่วมลงทุนติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่
- ทองคำ กำลังไหลเข้าเอเชีย ท่ามกลางดอกเบี้ยโลกที่กำลังขึ้นต่อเนื่อง
- วิเคราะห์ 5 สัญญาณ บ่งชี้ เงินเฟ้อ โลกใกล้ถึงจุดพีค
ขณะที่ผู้บริหารของหน่วยธุรกิจ Prime Broker ของทั้งสองโบรกเกอร์ยักษ์ใหญ่ต่างบอกว่า การลดลงของการใช้อัตราทดเป็นผลจากการมีมุมเชิงรับมากขึ้น ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นและตลาดหุ้นที่ปรับตัวลง
Charles Lemonides ผู้บริหารสูงสุดด้านการจัดการการลงทุนของ ValueWorks กล่าวว่า เฮดจ์ฟันด์พยายามลดความเสี่ยงที่พวกเขาจะโดนบังคับขาย ขณะที่ตลาดหุ้นมีความเสี่ยงจะลดลงได้อีก จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ส่งสัญญาณว่าจะใช้นโยบายการเงินตึงตัวมากขึ้นเรื่อยๆ
“ต้นทุนการกู้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้น จากเดิมที่ต้นทุนส่วนนี้แทบจะไม่มี ต้นทุนที่สูงขึ้นจะกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของเฮดจ์ฟันด์”
ขณะที่ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์อีกแห่งหนึ่งกล่าวว่า เขาได้ลดการใช้อัตราทดลงในปีนี้ ด้วยความเสี่ยงจากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น เงินเฟ้อสูงต่อเนื่อง และความไม่แน่นอนทางด้านภูมิรัฐศาสตร์
นอกจากนี้ การใช้อัตราทดที่ลดลงยังสะท้อนถึงการที่วาณิชธนกิจต่างระวังตัวมากขึ้น โดยที่ James Gorman หัวหน้าผู้บริหารของ Morgan Stanley กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา บริษัทได้ลดการปล่อยมาร์จิ้นลงเล็กน้อยสำหรับลูกค้าบางส่วน
ทั้งนี้ Morgan Stanley เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่ต้องเผชิญผลขาดทุนจากการล้มลงของกองทุน Archegos Capital Management เมื่อปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการใช้อัตราทดที่มากเกินไป
อ้างอิง: