วันนี้ (22 ตุลาคม) ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงภารกิจของ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในการลงพื้นที่ตรวจและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 2 จังหวัดคือ ยะลาและปัตตานี เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาและบูรณาการการพัฒนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นรูปธรรม
ทิพานันกล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรีและคณะได้ตรวจและติดตามการแก้ปัญหาแรงงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เยี่ยมชมนิทรรศการการช่วยเหลือแรงงานไทยจากสถานการณ์โควิด เพื่อเตรียมการจัดแรงานไทยจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปทำงานประเทศซาอุดีอาระเบีย ในงานมหกรรมแรงงานไทยจากจังหวัดชายแดนภาคใต้สู่ตลาดแรงงานที่มีทักษะโลกมุสลิม ในงานได้นำเสนอผลงานการแก้ไขปัญหาแรงงานและการว่างงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
สำหรับการดำเนินการและความก้าวหน้าของสถานการณ์แรงงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ปัจจุบันมีประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป จำนวนกว่า 2,770,167 คน เป็นผู้อยู่ในกำลังแรงงาน 1,868,606 คน ร้อยละ 67.45 จำแนกเป็นผู้มีงานทำ 1,818,111 คน ร้อยละ 97.32 ผู้ว่างงาน 50,123 คน ร้อยละ 2.68 และกำลังแรงงานที่รอฤดูกาล จำนวน 372 คน ร้อยละ 0.02
ทิพานันกล่าวต่ออีกว่า ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้ร่วมกับกระทรวงแรงงานช่วยเหลือด้านอาชีพไปแล้วกว่า 14,626 คน ในการจัดส่งแรงงานไปทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมนอกพื้นที่จำนวน 3,448 คน และสร้างอาชีพทางเลือกให้เข้าร่วมกลุ่มเกษตรกร รวมทั้งวิสาหกิจชุมชน อีกทั้งยังได้ฝึกอบรมทักษะและแนะแนวอาชีพจนสามารถเข้าสู่ตลาดแรงงานได้กว่า 3,226 คน ซึ่งกระทรวงแรงงานได้จัดระบบการอำนวยความสะดวกการทำงานในมาเลเซีย พร้อมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ และการปฏิบัติตนตามกฎหมายเกี่ยวกับแรงงาน
ในงาน พล.อ. ประวิตรได้พบปะแรงงานผู้ประสงค์ที่จะไปทำงานที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย และให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลจะดูแลและพร้อมสนับสนุนการจัดหาแรงงานไปทำงานอย่างดีที่สุด โดยครั้งนี้มีผู้ที่แจ้งความประสงค์ไว้จำนวน 655 คน ซึ่งหลังจากนี้กระทรวงแรงงานจะมีการจัดฝึกอบรมทักษะฝีมือ และสถาบันภาษานานาชาติจังหวัดชายแดนภาคใต้ สนับสนุนการสอนภาษาอาหรับและภาษาอังกฤษ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนส่งแรงงานไปทำงานที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย