ทางการยูเครนเปิดเผยในวันนี้ (18 ตุลาคม) ว่า รัสเซียกำลังพุ่งเป้าโจมตีทางอากาศ ถล่มโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและระบบน้ำประปา โดยมีการโจมตีแหล่งจ่ายไฟฟ้าและน้ำประปาเกิดขึ้นในหลายจุดของกรุงเคียฟและเมืองดนีโปร ส่งผลให้เกิดไฟฟ้าดับและน้ำประปาไม่ไหลเป็นวงกว้าง
การโจมตีระบบไฟฟ้าและน้ำประปาดังกล่าว เกิดขึ้นในช่วงไม่ถึง 24 ชั่วโมงหลังรัสเซียใช้โดรนกามิกาเซหรือโดรนติดระเบิดโจมตีกรุงเคียฟ จนทำให้อาคารบ้านเรือนเกิดความเสียหายและมีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน
อัยการยูเครนเผยว่า มีประชาชนอย่างน้อย 2 คนเสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศล่าสุดในกรุงเคียฟ โดยมีเสียงระเบิดดังขึ้นหลายระลอกในพื้นที่ตอนเหนือของเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงไฟฟ้าพลังความร้อน
ขณะที่มี 2 โครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าและประปาที่สำคัญถูกโจมตีจนได้รับความเสียหายหนัก ซึ่งในเขตจีโทมีร์ (Zhytomyr) ทางตะวันตกของเมือง พบว่าระบบไฟฟ้าและประปาใช้การไม่ได้ ส่วนที่ดนีโปรมีการโจมตีสถานีจ่ายไฟฟ้า 2 แห่งจนเสียหายหนักเช่นกัน
ด้านโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ ระบุว่าในช่วง 8 วันที่ผ่านมา รัสเซียได้กระทำการโจมตีอีกรูปแบบหนึ่งที่พุ่งเป้าโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่างๆ รวมถึงด้านพลังงาน และมีสถานีจ่ายไฟฟ้าทั่วยูเครนกว่า 30% ถูกทำลาย ส่งผลให้เกิดไฟฟ้าดับหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
“อีกรูปแบบของการโจมตีโดยกลุ่มก่อการร้ายชาวรัสเซีย: มุ่งเป้าไปที่พลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม โรงไฟฟ้าในยูเครน 30% ถูกทำลายจนทำให้เกิดไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ทั่วประเทศ ไม่มีที่ว่างเหลือสำหรับการเจรจากับระบอบเผด็จการของปูติน” เซเลนสกีกล่าว
ขณะที่เซเลนสกีกล่าวในการแถลงเมื่อคืนที่ผ่านมา ระบุถึงการที่รัสเซียใช้โดรนกามิกาเซในการโจมตีกรุงเคียฟ เนื่องจากรัสเซียนั้นกำลังจะพ่ายสงครามที่ยืดเยื้อมาใกล้ 8 เดือน และเพื่อชดเชยความพ่ายแพ้ของกองทัพในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
“รัสเซียไม่มีโอกาสใดๆ ในสนามรบ และพยายามชดเชยความพ่ายแพ้ของกองทัพด้วยความหวาดกลัว ทำไมต้องสร้างความหวาดกลัวนี้? ก็เพื่อกดดันเรา กดดันยุโรป และทั่วทั้งโลก”
ภาพ: Photo by Serhii Mykhalchuk / Global Images Ukraine via Getty Images
อ้างอิง: