ค้าปลีกญี่ปุ่น Mitsukoshi เดินหน้าบุกประเทศ ฟิลิปปินส์ จ่อเปิดปลายปีนี้ พร้อมงัดจุดขายสำคัญ เปิดให้บริการ ‘เดปาจิกะ’ ยกทัพอาหารอร่อยมาไว้ในชั้นใต้ดิน หวังเจาะลูกค้าชนชั้นกลางที่กำลังเติบโตสูง
Nikkei Asia รายงานว่า ห้างสรรพสินค้า Mitsukoshi ที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Isetan Mitsukoshi Holdings เจ้าของเครือห้างสรรพสินค้า Isetan เตรียมเปิดให้บริการในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ในปลายปี 2565
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- สัญญาณไม่ดี! Isetan Mitsukoshi ประเมิน จะเผชิญการ ‘ขาดทุน’ รายไตรมาสเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี
- ญี่ปุ่นแทรกแซงค่าเงินแล้ว! ครั้งแรกในรอบ 24 ปี หลังเยนอ่อนค่าหลุด 145 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ
- เปิดจุดเด่น เวียดนาม หลังจ่อขึ้นแท่นประเทศที่คว้าชัยในยุค Deglobalization
โดยได้ร่วมมือกับ Nomura Real Estate Development และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในท้องถิ่น Federal Land และศูนย์การค้าจะอยู่ในทางตอนเหนือของ Bonifacio Global City ซึ่งเป็นย่านศูนย์กลางทางการค้า ซึ่งเต็มไปด้วยสินค้าแบรนด์ดังและระดับไฮเอนด์
ทั้งนี้ บริเวณพื้นที่โดยรอบ ประกอบไปด้วย โรงแรมหรู โรงเรียนสอนภาษา และในอนาคตพื้นที่ดังกล่าวเตรียมจะให้เปิดบริการรถไฟใต้ดิน ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง นับว่าเป็นร้านค้าปลีกญี่ปุ่นรายแรกที่เปิดตัวในประเทศฟิลิปปินส์ โดยตั้งเป้าเจาะกลุ่มชนชั้นกลางที่กำลังเติบโต
สำหรับ Mitsukoshi ในฐานะศูนย์การค้าระดับพรีเมียม ได้มุ่งให้ความสำคัญกับการนำแบรนด์ของตัวเองมาดึงดูดลูกค้าชาวฟิลิปปินส์ และยังดึงจุดขายสำคัญด้วยการเปิดตัว ‘เดปาจิกะ’ (Depachika) โซนแหล่งรวมอาหารอร่อยๆ ในชั้นใต้ดิน ที่ส่วนใหญ่มักจะเห็นในห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่น เชื่อว่าจะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในกรุงมะนิลาเช่นเดียวกัน
ขณะที่พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคภายในประเทศฟิลิปปินส์สร้างรายได้ให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์กว่า 70% โดยอุตสาหกรรมค้าปลีกถูกครอบงำด้วยกลุ่มบริษัทในท้องถิ่นและบริษัทข้ามชาติ เช่น แบรนด์เสื้อผ้าลำลองของญี่ปุ่น UNIQLO และ IKEA ยักษ์ใหญ่ด้านเฟอร์นิเจอร์จากสวีเดน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ประกาศบังคับใช้พระราชบัญญัติฉบับแก้ไขเกี่ยวกับการเปิดเสรีค้าปลีก ซึ่งทำให้ข้อกำหนดด้านต้นทุนสำหรับผู้ประกอบการค้าปลีกต่างประเทศที่เข้ามาทำตลาดในฟิลิปส์ลดลง ด้วยเหตุนี้จึงคาดว่าค้าปลีกชาวญี่ปุ่นรายอื่นๆ จะเดินตามรอย Mitsukoshi
Yusuke Hirano เจ้าหน้าที่บริหารของ Nomura กล่าวว่า นอกจากค้าปลีกแล้ว ธุรกิจที่พักอาศัย คอนโดมิเนียม ‘The Seasons Residence’ ในกรุงมะนิลา ก็ขายดีเช่นเดียวกัน ซึ่งในแต่ละอาคารมีประมาณ 50 ชั้น รวมทั้งหมดประมาณ 1,400 ยูนิต มีราคาต่อหน่วยตั้งแต่ 340,000 ดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นอยู่กับขนาด โดยผู้ซื้อประมาณ 70% เป็นผู้ที่มีฐานะร่ำรวย และส่วนใหญ่ซื้อให้สมาชิกในครอบครัวอาศัยอยู่ในนั้น แต่ไม่ได้ซื้อเพื่อเป็นการลงทุน
นอกจากนี้ Nomura ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนที่เรียกว่า Federal Land NRE Global ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว Federal Land ถือหุ้น 66% และ Nomura เป็นผู้ถือหุ้นส่วนที่เหลือ 34% และทั้ง 2 บริษัท อยู่ระหว่างวางแผนเตรียมใช้เงิน 5.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเปิดตัวอีก 4 โครงการใหม่ในกรุงมะนิลา ตามด้วยเมืองเซบูและภูมิภาคอื่นๆ ภายในปี 2567
ภายใต้โครงการดังกล่าวจะตั้งอยู่บนพื้นที่รวมประมาณ 6.8 ล้านตารางเมตร มีการขายสำนักงานประมาณ 50,000 ยูนิต เพื่อรองรับจำนวนประชากรที่มีอยู่ประมาณ 110 ล้านคน โดยเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าอายุเฉลี่ย 24 ปีขึ้นไป
Yusuke Hirano กล่าวต่ออีกว่า ปัจจุบันภาคอสังหาริมทรัพย์ในฟิลิปปินส์มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีราคาที่สูงขึ้น เราจึงมีเป้าหมายเพื่อรองรับกำลังซื้อของชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
อ้างอิง: