การนอกใจอาจมาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มากเกินไป รวมไปถึงอีกหนึ่งสาเหตุที่นักวิจัยกล่าวว่า อาจทำให้ใครหลายคนเสียสติ
ในการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Archives of Sexual Behavior จาก Birnbaum และเพื่อนร่วมงาน ปี 2022 ได้ศึกษาพฤติกรรมของบุคคลที่มีต่อการนอกใจ โดยตรวจสอบว่า บุคคลที่เรียนรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมนอกใจของผู้อื่น มีแนวโน้มที่จะนอกใจในความสัมพันธ์ของตัวเองหรือไม่ นักวิจัยให้เหตุผลว่า การเรียนรู้เกี่ยวกับความแพร่หลายของการนอกใจ อาจลดความต้องการและความมุ่งมั่นต่อคู่ครอง ขณะเดียวกันก็เพิ่มความปรารถนากับคนที่น่าดึงดูด
“การรู้ว่าบุคคลอื่นมีเรื่องการนอกใจเข้ามาเกี่ยว อาจทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจมากขึ้น เมื่อตัวเองมีเรื่องดังกล่าวด้วยตัวเอง” นักวิจัยกล่าว และในการศึกษาครั้งนี้ พวกเขาได้ทำการศึกษาแยกกัน 3 เรื่องกับผู้เข้าร่วมที่มีความสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม”
การศึกษาแรกกับนักศึกษาระดับปริญญาตรีจากอิสราเอล ที่มีความสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามมา 4 เดือน โดยการให้ดูวิดีโอที่ประเมินว่า การนอกใจมีอยู่ในความสัมพันธ์ 86% และ 11% ของความสัมพันธ์ หลังจากนั้นนักวิจัยขอให้ผู้ร่วมวิจัยเขียนเกี่ยวกับจินตนาการทางเพศที่เกี่ยวข้องกับคนอื่นที่ไม่ใช่คู่ปัจจุบัน การศึกษาพบว่า การบิดเบือนเกี่ยวกับความไม่ซื่อสัตย์ในลักษณะนี้ไม่ส่งผลต่อความต้องการของผู้เข้าร่วมสำหรับคู่รักในปัจจุบัน หรือบุคคลอื่น
ในทางกลับกัน การศึกษาครั้งที่ 2 กลับให้ผลที่แตกต่างกัน
การศึกษาครั้งที่ 2 เกิดขึ้นกับคู่รักที่คบกันมา 12 เดือน นักวิจัยให้เขาอ่านคำสารภาพการนอกใจของบุคคลอื่น เช่น การพบรักในที่ทำงานขณะที่ตัวเองมีแฟนแล้ว จากนั้นนักวิจัยให้ดูรูปของพวกเขา และถามว่า บุคคลเหล่านั้นจะเป็นคู่รักที่โรแมนติกได้หรือไม่ ผู้เข้าร่วมตอบว่า “ใช่”
รวมไปถึงการฉ้อโกงที่เกิดขึ้นในสถานศึกษา อย่างการลอกงานวิจัย หรือแม้แต่จ้างคนอื่นทำงานให้ เหล่านี้นับเป็นความไม่ซื่อสัตย์ที่เกิดขึ้น
นักวิจัยสรุปว่า การเปิดรับการนอกใจสามารถทำให้เรามองว่า พฤติกรรมนั้นเป็นเรื่องปกติ และทำให้ความสัมพันธ์ในปัจจุบันของเราเสี่ยงต่อการนอกใจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เรื่องการนอกใจยังต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม เพื่อชี้แจงว่าการรู้หรืออยู่ร่วมกับการนอกใจของผู้อื่นนั้นส่งผลต่อความเต็มใจที่จะมีส่วมร่วมในการนอกใจอย่างไร
ภาพ: Shutterstock
อ้างอิง: