วันนี้ (19 กันยายน) ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แถลงข่าวเกี่ยวกับการทุจริตสร้างโรงพัก 369 แห่ง ว่า ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องคอร์รัปชันเป็นอย่างมาก ตนขอตั้งคำถามว่า ทำไมอัยการสูงสุดถึงไม่สั่งฟ้อง ทำไมให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สั่งฟ้องแทน และยังต้องใช้เวลาพิจารณาเรื่องนี้ถึง 10 ปี ทั้งที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยอย่างมาก ใช้เวลาในการปราบคอร์รัปชันนานไปหรือไม่ จึงเห็นว่าเวลาในการปราบคอร์รัปชันของไทยใช้เวลานานกว่าประเทศอื่น ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าวันพรุ่งนี้ (20 กันยายน) ผลการพิจารณาจะออกมาอย่างไร อาจตัดสินยกฟ้องหรือไม่มีความผิด ก็ต้องคอยดูกันต่อไปตามที่ศาลจะตัดสิน
ชูวิทย์กล่าวด้วยว่า สิ่งที่ตนพูดคือการทำหน้าที่ฝ่ายค้านในอดีตของตนก็ยังคงได้เห็นกับตาอยู่บ้าง เพราะเรื่องนี้มีความแปลก จากคดีคอร์รัปชันธรรมดาจะกลายเป็นคดีทางการเมืองหรือไม่ถึงต้องใช้เวลาพิจารณาถึง 10 ปี พร้อมย้ำว่า ตนมาพูดเรื่องนี้เพราะอยากชี้ให้เห็นถึงปัญหาคอร์รัปชันที่สร้างความเสียหายต่อประเทศเป็นอย่างมาก
ชูวิทย์กล่าวต่อไปว่า การจัดสร้างโรงพักนี้ถือว่าใช้งบประมาณที่สูญเสียไป ซึ่งรัฐบาลและประชาชนก็ได้รับความเสียหาย ข้อมูลต่างๆ ตนก็ได้ให้ไปหมดก่อนหน้านี้แล้ว และวันพรุ่งนี้ที่จะมีการตัดสิน ตนก็ไม่ได้คาดหวังอะไร หรือว่าจะเห็นใครผิด ติดคุกหรือไม่ ซึ่งถ้ามีคนติดคุกก็ถือว่าเซอร์ไพรส์มาก หรืออาจมีการยื่นเลื่อนคำสั่งอีกก็เป็นได้
ชูวิทย์ยืนยันว่า คดีนี้มีกระบวนการทำให้เรื่องนี้พิจารณาช้าอย่างแน่นอน ตนขอถามว่า การที่เป็นอย่างนี้เป็นเรื่องตลกหรือไม่ที่ต้องใช้เวลานานขนาดนี้ ส่วนที่วันพรุ่งนี้หากมีคำตัดสินว่ามีคนกระทำความผิดจริง แต่จะทำอะไรได้ เพราะทุกคนที่เกี่ยวข้องต่างก็ได้เกษียณไปหมดแล้ว แต่ถ้าร่นเวลาในการพิจารณาและมีคำตัดสินเร็วกว่านี้ น่าจะเอาผิดและปราบคอร์รัปชันได้ดีกว่านี้
“สิ่งที่ผมเริ่มต้นกับเรื่องนี้มาจะสูญเปล่าหรือไม่นั้นในวันพรุ่งนี้ผมก็มองว่าไม่เป็นไร แต่สิ่งที่ผมอยากชี้ให้เห็นคือ ประเทศไทยต้องมีภาคประชาชนที่เข้มแข็ง และการที่องค์กรต่างๆ ออกมาพูดเรื่องการประกาศคอร์รัปชันก็ไม่ใช่เรื่องจริงที่ทำได้ โดยผมขอยกเรื่องการก่อสร้างโรงพักนี้มาเป็นตัวอย่างของการคอร์รัปชันและสร้างความเสียหายอย่างมาก” ชูวิทย์กล่าวในที่สุด