สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกาตั้งเป้าสร้างฟาร์มกังหันผลิตลมนอกชายฝั่งขนาด 15 กิกะวัตต์ภายในปี 2035 นับเป็นความเคลื่อนไหวด้านพลังงานที่สะท้อนถึงจุดยืนของสหรัฐฯ ที่พร้อมแข่งขันด้านพลังงานสะอาดกับภูมิภาคยุโรปและเอเชีย
กระทรวงมหาดไทยของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กำลังเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มกังหันลมนอกชายฝั่งแบบลอยตัว ซึ่งเป็นเทคโนโลยีพลังงานสะอาดที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำด้านการผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ผู้เชี่ยวชาญเตือน การปรับ ขึ้นดอกเบี้ย ครั้งต่อไปจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่เกมที่อันตราย
- วิเคราะห์ 5 สัญญาณ บ่งชี้ เงินเฟ้อ โลกใกล้ถึงจุดพีค
- นักเศรษฐศาสตร์ฟันธง เงินเฟ้อ ทั่วโลกผ่านจุดพีค แต่จะไม่กลับไปต่ำเท่ากับช่วงก่อนโควิด
รายงานระบุว่า โรงงานไฟฟ้าขนาด 15 กิกะวัตต์นี้ เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งให้ได้ 30 กิกะวัตต์ภายในปี 2030 ซึ่งเบื้องต้นไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้ากังหันลมขนาด 15 กิกะวัตต์จะสามารถแจกจ่ายให้กับครัวเรือนในสหรัฐฯ มากกว่า 5 ล้านแห่ง
นอกจากนี้ โครงการ ‘Floating Offshore Wind Shot’ ยังตั้งเป้าที่จะลดต้นทุนของเทคโนโลยีดังกล่าวให้ได้มากกว่า 70% ภายในปี 2035 เป็น 45 ดอลลาร์ต่อเมกะวัตต์ชั่วโมง
ทั้งนี้ กังหันลมนอกชายฝั่งแบบลอยตัวนั้นแตกต่างจากกังหันลมนอกชายฝั่งแบบตายตัวซึ่งมีรากฐานอยู่ที่ก้นทะเล ข้อดีอย่างหนึ่งของกังหันลอยน้ำคือสามารถติดตั้งได้ในน้ำที่ลึกกว่าเมื่อเทียบกับแบบก้นตายตัว
ขณะเดียวกัน ทางสถานีโทรทัศน์ CNN รายงานว่า ทางบริษัทโลจิสติกส์ขนส่งยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ อย่าง FedEx ออกโรงเตือนว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยกำลังจะมาถึง หลังปริมาณความต้องการจัดส่งพัสดุภัณฑ์ทั่วโลกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
FedEx ระบุว่า เศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ โดยเฉพาะในเอเชียและยุโรป ส่งผลกระทบต่อธุรกิจจัดส่งด่วนของบริษัท โดยพบว่าความต้องการบรรจุภัณฑ์ลดลงอย่างมากในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
ยิ่งไปกว่านั้น FedEx คาดว่าสภาพธุรกิจจะอ่อนตัวลงอีกไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน แม้ว่ารายรับทั่วโลกในไตรมาสนี้มีแนวโน้มทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่คาดว่ารายรับของ FedEx จะลดลงมากกว่า 40% สวนทางกับความเห็นของนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งที่คาดการณ์ว่า FedEx จะได้รับผลกำไร
Raj Subramaniam ซีอีโอของ FedEx กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์กับทาง CNBC แสดงความเชื่อมั่นว่า ธุรกิจของ FedEx ที่ชะลอตัวลงถือเป็นสัญญาณเริ่มต้นของภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย โดย FedEx ประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงจะทำให้รายได้ของบริษัทหายไป 500 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ หลังจากที่ FedEx ออกมาเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวเพียงไม่นาน หุ้นของบริษัทปรับตัวร่วงหนักในรอบหนึ่งวันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 กันยายน) โดยร่วงหนักถึง 21%
อ้างอิง: