ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คาดว่าจะลดขนาดงบดุลเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ เป็นเดือนละ 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หมายความว่า Fed จะเริ่มลดการถือตั๋วเงินคลังที่สะสมมาตลอดเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา โดยเดือนกันยายนและตุลาคมนี้ จะเป็นการลดขนาดการถือตั๋วเงินคลังครั้งใหญ่ที่สุดของ Fed นับเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลดขนาดงบดุลมูลค่า 9 ล้านล้านดอลลาร์
ตามแผนการลดขนาดงบดุลขนาดมหาศาล Fed จะปล่อยให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ วงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ และตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) วงเงิน 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ครบอายุไปโดยไม่มีการซื้อเพิ่มเติม พร้อมทั้งเตรียมไถ่ถอนตั๋วเงินคลัง (T-Bills) ซึ่งเป็นตราสารหนี้ระยะสั้นอายุไม่เกิน 1 ปี ที่รัฐบาลสหรัฐฯ เป็นผู้ออกจำหน่าย มูลค่า 3.26 แสนล้านดอลลาร์ เป็น Filler เพื่อชดเชยกรณีพันธบัตรครบอายุไม่ทันขีดจำกัดที่กำหนดไว้ โดยเดือนกันยายนนี้จะเป็นเดือนแรกที่ Fed เตรียมใช้ตั๋วเงินคลังมาชดเชย
ทั้งนี้ ในงบดุลของ Fed มีพันธบัตรรัฐบาลที่จะครบอายุในเดือนกันยายนนี้เพียง 4.36 หมื่นล้านดอลลาร์ หมายความว่าเจ้าหน้าที่ Fed จะต้องไถ่ถอนตั๋วเงินคลัง 1.64 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อให้ครบเป้าหมายลดงบดุลที่ตั้งไว้
นอกจากนี้ Fed ยังจะต้องไถ่ถอนตั๋วเงินคลังอีก 1.36 หมื่นล้านดอลลาร์ ในเดือนตุลาคมด้วย ดังนั้นการลดขนาดการถือตั๋วเงินคลังของ Fed ครั้งนี้จึงจะกลายเป็นครั้งใหญ่ที่สุดไปจนถึงเดือนกันยายน ปี 2023
การลดถือตั๋วเงินคลังของ Fed ครั้งนี้ยังมีความน่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากการดำเนินมาตรการ Quantitative Tightening หรือ QT ครั้งก่อนหน้านี้ Fed ไม่ได้ถือครองหลักทรัพย์ใดๆ นอกจากนี้สำหรับนักลงทุนในตลาดเงินซึ่งกำลังประสบปัญหาสินทรัพย์ที่จะลงทุน ส่วนใหญ่เลือกนำเงินสดส่วนเกินฝากไว้ที่พันธบัตรระยะสั้นที่ Fed ขายกลับคืนสู่ตลาด (Reverse Repurchase Agreement Facility) ดังนั้นการใช้ตั๋วเงินคลังของ Fed จึงจะทำให้นักลงทุนมีอุปทานเพิ่มขึ้น
ด้าน Gennadiy Goldberg นักกลยุทธ์จาก TD Securities กล่าวว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ Fed จะปล่อยให้ตั๋วเงินคลังหมดไปจากงบดุล หลังจากช่วง 3 ปีที่ผ่านมาที่ Fed เริ่มซื้อตั๋วเงินคลังอย่างรวดเร็ว สะท้อนว่า Fed กำลังทำ QT อย่างเต็มที่
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนกันยายน 2019 ธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มซื้อตั๋วเงินคลังประมาณ 6 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน เพื่อขยายงบดุล นอกเหนือจากการดำเนินการ Repo รายวัน โดย Fed คาดการณ์ว่าจะซื้อตั๋วเงินคลังได้จนถึงไตรมาสที่ 2 ของปี 2020 แต่ความวุ่นวายทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการระบาดใหญ่ได้กระตุ้นให้ผู้กำหนดนโยบายออกมาตรการกระตุ้นทางการคลังและการเงินครั้งใหญ่ ทำให้ระบบการเงินท่วมท้นด้วยเงินสดและทำให้เงินสำรองมีเพียงพอ
ความคาดหวังของนักกลยุทธ์ Wall Street หลายคนตอนนี้คือ ขณะที่เส้นทางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ช้าลง กระทรวงการคลังจะยังคงเพิ่มปริมาณตั๋วเงินคลังอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตั๋วเงินคลังจะดึงดูดนักลงทุนที่ลังเลใจออกจากการทำ Reverse Repo ของ Fed และกลับเข้าสู่ตลาด
อย่างไรก็ตาม Lou Crandall นักเศรษฐศาสตร์จาก Wrightson ICAP ระบุในบันทึกถึงลูกค้าเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (29 สิงหาคม) ว่าจากมุมมอง Cash-Market จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เมื่อ Fed เริ่มใช้ตั๋วเงินคลังครั้งแรกในวันพฤหัสบดีนี้
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP