เป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้วนับจากที่กองทัพรัสเซียได้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารในการบุกยูเครนและกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบที่ยืดเยื้อของทั้งสองชาติ แต่นั่นไม่สามารถหยุดให้การแข่งขันฟุตบอลลีกยูเครนเริ่มต้นเดินหน้าอีกครั้งได้ แม้ว่าในแต่ละเกมจะต้องพบกับความยากลำบากแค่ไหนก็ตาม
ฟุตบอลยูเครนเนียนพรีเมียร์ลีก (UPL) กลับมาเริ่มเดินหน้าอีกครั้งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (23 สิงหาคม) ในเกมระหว่าง ชัคตาร์ โดเนตสก์ กับ เมตาลิสต์ 1925 ในกรุงเคียฟ ที่จบลงด้วยการเสมอกันแบบไม่มีสกอร์ เป็นความพยายามของทั้งทาง UPL และทางรัฐบาลยูเครนที่นำโดยประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ที่จะนำวิถีชีวิตปกติกลับคืนมาสู่ประเทศหลังอยู่ในสงครามมายาวนานกว่าครึ่งปี และเชื่อว่าเกมฟุตบอลที่แม้จะยังไม่มีการอนุญาตให้แฟนเข้าสนามได้จะเป็นหนึ่งใน ‘ประกายความหวัง’ ของคนทั้งชาติ
อย่างไรก็ดีแมตช์ที่จัดขึ้นที่สนามลวิฟสเตเดียมในเมืองลวิฟเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (24 สิงหาคม) ระหว่างทีมรุกห์ ลวิฟ กับ เมตาลิสต์ คาร์คีฟ ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการแข่งขันเมื่อมีเสียงไซเรนเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในระหว่างแข่งจนทำให้ต้องหยุดพักเกมถึง 4 ครั้ง และต้องใช้เวลาทั้งหมด 4 ชั่วโมงกว่าที่จะลงแข่งได้ครบ 90 นาที โดยที่เมตาลิสต์ คาร์คีฟเอาชนะไปได้ 2-1
ทางด้าน UPL ได้เปิดเผยเรื่องนี้ต่อทาง CNN ว่า “มาตรการรักษาความปลอดภัยคือเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา ดังนั้นทั้งสองทีมจะต้องเข้าไปในหลุมหลบภัยทุกครั้งตามมาตรการรักษาความปลอดภัย และเวลาที่ใช้ในการแข่งขันรวมทั้งหมด 4 ชั่วโมงครึ่ง”
สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ทางด้าน UPL และทางด้านสมาคมฟุตบอลยูเครนได้กำหนดไว้ร่วมกันนอกเหนือจากการมีสัญญาณไซเรนเตือนการทิ้งระเบิดทางอากาศแล้วจะต้องมีหลุมหลบภัยใกล้กับสนามด้วย ขณะที่เกมการแข่งขันทั้งหมดจะถูกจัดขึ้นในสนามฟุตบอลในกรุงเคียฟและเมืองใกล้เคียงเท่านั้นด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
ดาริโอ เซอร์นา ผู้อำนวยการสโมสรชัคตาร์ โดเนตสก์ ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ก่อนเกมเมื่อวันอังคารที่เสมอกับเมตาลิสต์ 1925 ว่า “เราได้ยินเสียงไซเรนครั้งหนึ่งในช่วงก่อนเกม ตอนนั้นเราอยู่กันที่โรงแรมและเราก็เตรียมจะขับรถไปสนาม ซึ่งเมื่อเราไปถึงสนามเราก็ได้แต่ภาวนาว่าเราจะไม่ได้ยินเสียงไซเรนไปอีก 90 นาที ไม่อย่างนั้นเราจะต้องลงไปในชั้นใต้ดินจนกว่าที่เสียงไซเรนจะยุติลง”
ขณะที่ อังเดร เชฟเชนโก ตำนานศูนย์หน้าชาวยูเครนกล่าวถึงบทบาทของเกมกีฬาที่จะเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่ประเทศชาติว่า “มันเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้คนของเราและทั่วโลก เราสามารถส่งข้อความบอกทุกคนได้ว่ายูเครนยังอยู่ที่นี่”
“ถึงเราจะยังมีสงครามภายในประเทศของเรา เราก็จะสู้เพราะเราอยากมีชีวิตอยู่ในประเทศที่ปกติ มีชีวิตที่ปกติเหมือนทุกคน”
อ้างอิง: