ราคา ก๊าซธรรมชาติ ในสหรัฐอเมริกาพุ่งสูงขึ้นสู่ระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนับตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งเป็นการพุ่งที่อาจส่งผลคุกคามต่อราคาน้ำมันที่เริ่มปรับตัวลดลงในปัจจุบัน
โดยสัญญาซื้อ-ขายก๊าซธรรมชาติพุ่งขึ้น 7% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 9.33 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านหน่วยเทอร์มอลยูนิต (BTU) ซึ่งเป็นราคาปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2008 แม้ว่าสัญญาซื้อ-ขายล่วงหน้าก๊าซธรรมชาติจะค่อยๆ ปรับตัวลดลงเมื่อวันพุธที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่ก็ยังเพิ่มขึ้นในระดับที่ค่อนข้างสูงที่ประมาณ 70% ตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน
ขณะเดียวกันราคาของก๊าซธรรมชาติยังเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจถึง 525% นับตั้งแต่ปิดตลาดที่ 1.48 ดอลลาร์สหรัฐในเดือนมิถุนายน 2020 ที่วิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิดทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่หยุดชะงัก
ราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวแพงขึ้นส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนมาจากความต้องการบริโภคก๊าซที่พุ่งขึ้นอย่างมาก เนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัดในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยชาวอเมริกันต่างพากันกระหน่ำเปิดเครื่องปรับอากาศ
ขณะเดียวกันแนวโน้มราคาก๊าซยังคงอยู่ในระดับสูง เพราะความต้องการใช้ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่ออุณหภูมิเริ่มเย็นลงในช่วงฤดูใบไม้ร่วงก่อนหนาวสุดในช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่คนต้องพึ่งพาพลังงานก๊าซมาผลิตไฟฟ้าแจกจ่ายให้กับครัวเรือนที่ต้องการไฟเพื่อให้ความอบอุ่น
อย่างไรก็ตาม แม้ราคาก๊าซของสหรัฐฯ จะน่าเป็นห่วงเพียงใด แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า อย่างน้อยสถานการณ์ก๊าซในสหรัฐฯ ก็ยังดีกว่ายุโรปที่เสี่ยงเผชิญภาวะขาดแคลนอย่างรุนแรง
สถานีโทรทัศน์ CNN ได้เปิดเผยความเห็นของนักวิเคราะห์ที่ชี้ว่า สภาพอากาศที่ร้อนจัดในปัจจุบันเปรียบเสมือนหนังตัวอย่างที่แสดงให้เห็นความหายนะของการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
รายงานระบุว่า สภาพอากาศร้อนจัดและภัยแล้งกำลังกระทบกระเทือนเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ยุโรป และจีน พร้อมๆ กัน โดยทำให้เกิดปัญหากับคนงานและภาคธุรกิจในช่วงเวลาที่การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว และเพิ่มแรงกดดันต่อภาวะเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ในมณฑลเสฉวนของจีน โรงงานทั้งหมดถูกสั่งปิดเป็นเวลา 6 วันเพื่อประหยัดพลังงาน ขณะที่เรือบรรทุกถ่านหินและสารเคมีกำลังดิ้นรนเพื่อหาทางเดินเรือไปตามแม่น้ำไรน์ของเยอรมนีตามปกติในช่วงเวลาที่ระดับน้ำในแม่น้ำลดต่ำลงจนยากต่อการสัญจร และผู้คนที่อาศัยอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ ก็ถูกขอให้ใช้ไฟฟ้าน้อยท่ามกลางอุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้น
เบน เมย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยมหภาคระดับโลกของ Oxford Economics กล่าวว่า เหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบอย่างค่อนข้างมีนัยสำคัญสำหรับภูมิภาคที่กำลังเผชิญปัญหาสภาพภูมิอากาศ โดยขอบเขตของความเจ็บปวดอาจขึ้นอยู่กับระยะเวลาคลื่นความร้อนและฝนไม่ตก
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญอีกส่วนหนึ่งต่างออกโรงเตือนว่า แนวโน้มของสถานการณ์สภาพอากาศร้อนจัดในเวลานี้ยังมองไม่เห็นทิศทางคลี่คลายในทางบวก ซึ่งบรรดาบริษัทต่างๆ ต้องเริ่มเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดได้แล้ว เพราะสภาพอากาศที่สุดขั้วมาในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกกำลังชะลอตัว
ยกตัวอย่างเช่น อากาศที่ร้อนจัดทำให้น้ำในแม่น้ำลดลง ส่งผลต่อการลำเลียงสินค้าทางเรือ ขณะเดียวกันก็ส่งผลต่อการผลิตไฟฟ้า ที่ทำให้ไม่มีไฟฟ้าเพียงพอต่อความต้องการใช้งานในภาคการผลิต เป็นต้น
อ้างอิง:
- https://edition.cnn.com/2022/08/17/energy/natural-gas-inflation-heat-wave/index.html
- https://edition.cnn.com/2022/08/18/business/heatwave-global-economy/index.html
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP