วันนี้ (18 สิงหาคม) พล.อ. สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการอยู่ในช่วงท้ายรัฐบาลหรือเป็นการทำลายเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่ ว่าเรื่องดังกล่าวได้มีการชี้แจงจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน. ภาค 4 สน.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สมช. ได้ดูใน 4-5 มิติ รวมไปถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีการสั่งการเป็นที่เรียบร้อยแล้วให้ดำเนินการอย่างเคร่งครัด
ขณะเดียวกัน วานนี้ (17 สิงหาคม) ได้มีการประชุมของหน่วยข่าวในพื้นที่อย่างเร่งด่วน เพื่อรับฟังปัญหาและมอบหมายแนวทางที่นายกรัฐมนตรี และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลด้านความมั่นคง ได้สั่งการโดยสิ่งที่ต้องทำเป็นการเร่งด่วนคือการยกระดับมาตรการป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีก เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับประชาชนทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย และเศรษฐกิจในพื้นที่
ทั้งนี้ กอ.รมน. ภาค 4 สน. ได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนสิ่งที่จะทำต่อไปคือการสืบสวนสอบสวนให้ได้มาซึ่งผู้ก่อเหตุ ที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างรวดเร็ว ยุติธรรม และเป็นไปตามขั้นตอน นอกจากนี้ยังต้องมีการปรับระบบการทำงานที่สำคัญในเรื่องของความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ มาตรการในการรักษาความสงบ เดินหน้าทำความเข้าใจและสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนให้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้สิ่งสำคัญอีกมิติคือการสร้างชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ให้ดีขึ้นและพัฒนาระบบเศรษฐกิจให้ดีขึ้น
พล.อ. สุพจน์ยอมรับว่ามีรายงานข่าวในการก่อเหตุมาอยู่แล้ว แต่ในการก่อเหตุครั้งนี้มีการปรับเปลี่ยนผู้ดำเนินการ ซึ่งรายละเอียดต่างๆ ขอให้รอฟังผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ซึ่งคาดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นกลุ่มเดิมที่เคยทำอยู่
ขณะที่หลายฝ่ายมีความพยายามเชื่อมโยงกับการเมือง พล.อ. สุพจน์ระบุว่า มีหลายมิติที่ต้องพิจารณาการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ การเมืองก็คือบริบทที่เกี่ยวข้องกับการเมือง เพราะฉะนั้นก็จะดำเนินการคู่ขนานกับการใช้กำลังที่ก่อเหตุรุนแรงด้วยเหตุผลได้เหตุผลหนึ่ง ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาร่วมกัน พร้อมเชื่อว่าครั้งนี้เป็นการดำเนินการกับกลุ่มเป้าหมายเปราะบางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งพื้นที่ก่อเหตุเป็นพื้นที่ที่ประชาชนใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ร้านสะดวกซื้อและปั๊มน้ำมัน รวมไปถึงห้างสรรพสินค้าซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างแน่นอน โดยรัฐบาลนั้นให้ความสำคัญและจะเร่งดำเนินการแก้ไข
ส่วนมีการประเมินหรือไม่ว่าการก่อเหตุดังกล่าวเหตุใดจึงเกิดขึ้นในช่วงปลายปี พล.อ. สุพจน์กล่าวว่า เป็นจังหวะของเหตุการณ์ เพราะหากติดตามการเจรจาพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้มีความคืบหน้า มีการพูดคุยกันบ่อยขึ้นและครอบคลุมในทุกมิติ แต่กลุ่มที่เข้ามามีส่วนร่วมของปัญหาก็จะมีความต้องการแตกต่างกันไป ซึ่งเป็นเทคนิคที่ต้องการตอบสนองของประเทศให้พื้นที่มีความสงบ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ภายใต้พหุสังคมวัฒนธรรม มีเศรษฐกิจที่ดี ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ต้องหาวิธีการผสมผสานและปรับวิธีการไปเรื่อยๆ ความต้องการของตัวเองเพื่อให้แต่ละฝ่ายนั้นบรรลุวัตถุประสงค์
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับช่วงการพิจารณาพระราชบัญญัติงบประมาณปี 2566 ด้วยหรือไม่นั้น พล.อ. สุพจน์มองว่า ไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้อง หากดูจากแผนงานโครงการที่เข้าไปทำพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือว่ารัฐบาลมีความตั้งใจอย่างมากที่จะทำให้ประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีอาชีพ มีงานทำ และมีการพัฒนาเศรษฐกิจในทุกระดับ เพื่อให้เป็นพื้นที่ที่อยู่ร่วมกันได้และมีความเจริญ
ทั้งนี้ พล.อ. สุพจน์ปฏิเสธการตอบคำถามถึงกรณีแง่ของความมั่นคงได้มีการเตรียมการเรื่องวาระ 8 ปีของนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เนื่องจากเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้อง
ส่วนที่นักวิชาการออกมาระบุให้ฝ่ายความมั่นคงระวังเรื่องเหตุการณ์ความรุนแรงในช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำ APEC นั้น พล.อ. สุพจน์กล่าวว่า ตนในฐานะที่วิเคราะห์ภัยคุกคามต้องดูในทุกมิติ ทั้งภัยที่เกิดขึ้นในประเทศและต่างประเทศ