แม้ว่าประเทศจีนจะเป็นแหล่งทำเงินขนาดใหญ่ของธุรกิจความงาม แต่ก็ใช่ว่าทุกแบรนด์จะประสบความสำเร็จได้เหมือนเดิม ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลกและพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำให้แบรนด์ดังยืนหนึ่งอย่าง Maybelline เริ่มปรับจุดโฟกัสของแบรนด์ตัวเองที่ทำตลาดในประเทศจีน โดยค่อยๆ ทยอยปิดหน้าร้านที่ทำผลงานด้านยอดขายที่ไม่ดีทั้งหมด เพื่อโฟกัสเป้าหมายใหม่ไปบุกตลาดออนไลน์ในจีนอย่างจริงจัง ขณะที่ทาง Maybelline ชี้แจงว่าทางแบรนด์กำลังปิดร้านและยุติร้านสัญญาเช่าในตลาดเท่านั้น แต่กิจการในร้านค้าออฟไลน์ที่รวมถึงร้าน Watsons และร้านขายเครื่องสำอางต่างๆ ในประเทศจีนกว่า 10,000 แห่ง ยังเปิดให้บริการต่อไป
Maybelline ชี้แจงว่ากำลังปิดร้านที่มีผลงานไม่ดี และยุติร้านสัญญาเช่าในตลาดเท่านั้น แบรนด์ยังคงดำเนินการร้านค้าออฟไลน์ประมาณ 10,000 แห่ง รวมถึงร้าน Watsons และร้านเครื่องสำอางในประเทศจีนยังคงเปิดจำหน่ายต่อไป โดยการปรับเปลี่ยนครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาด รวมถึงความต้องการของผู้บริโภค ซึ่ง Maybelline ทั้งในนิวยอร์กและประเทศจีนก็ค่อยๆ ปรับกลยุทธ์การขายหน้าร้านแบบเดิมๆ มาเป็นการขายผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงออฟไลน์
ข้อมูลจากนักวิจัยตลาด Qianzhan Industry Research Institute เปิดเผยรายงานที่แสดงให้เห็นว่าส่วนแบ่งการตลาดของ Maybelline ในตลาดจีนลดลงเหลือ 4.9% ในปีที่แล้ว จาก 10.7% ในปี 2018 ขณะที่แบรนด์เครื่องสำอางสัญชาติจีนอย่าง Florasis ที่เป็นแบรนด์น้องใหม่ และแบรนด์ Perfect Diary ที่ได้ชื่อว่าเป็นแบรนด์เครื่องสำอางชื่อดังของประเทศจีน กลายเป็น 2 แบรนด์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยกวาดส่วนแบ่งตลาดได้ถึง 6.8% และ 6.4% ตามลำดับ ท่ามกลางสงครามการตลาดในจีนแผ่นดินใหญ่ที่ดุเดือดแบบนี้ และแบรนด์ในประเทศจีนเองก็สร้างความแข็งแกร่งในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี คงต้องมาจับตาดูว่าการปรับเปลี่ยนเชิงกลยุทธ์ของแบรนด์ต่างชาติอย่าง Maybelline จะสามารถยึดส่วนแบ่งการตลาดให้กับแบรนด์ตัวเองได้มาก-น้อยแค่ไหน
ภาพ: Maybelline / Instagram
อ้างอิง: