หลายประเทศในทวีปยุโรป เผชิญผลกระทบรุนแรงจากภาวะคลื่นความร้อน โดยฝรั่งเศสกำลังเผชิญกับสถานการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่ใกล้เมืองบอร์โดซ์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ ขณะที่หลายพื้นที่ของอังกฤษกำลังเผชิญภัยแล้งขั้นรุนแรง
โดยวานนี้ (12 สิงหาคม) เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเยอรมนี โรมาเนีย กรีซ และหลายประเทศทั่วยุโรป ได้เดินทางไปยังฝรั่งเศส เพื่อร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงท้องถิ่นมากกว่า 1,000 นาย ในการพยายามควบคุมเหตุไฟป่าครั้งใหญ่ดังกล่าว ซึ่งเผาผลาญผืนป่าไปแล้วกว่า 46,000 ไร่
เปลวเพลิงซึ่งไหม้ลามอย่างรวดเร็ว และอยู่ห่างจากตัวเมืองบอร์โดซ์ราว 30 กิโลเมตร ส่งผลให้บ้านเรือนหลายหลังได้รับความเสียหาย และชาวเมืองกว่า 10,000 คน ต้องอพยพหนีไปยังจุดปลอดภัย
ขณะที่ทางการฝรั่งเศสได้ระดมเฮลิคอปเตอร์ทิ้งน้ำ 9 ลำช่วยดับไฟป่า และยังได้รับความช่วยเหลือจากเครื่องบินดับเพลิงของกรีซและสวีเดน แต่การควบคุมเพลิงยังทำได้ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากกระแสลมแรง อีกทั้งระดับอุณหภูมิที่เพิ่มสูงจากอิทธิพลคลื่นความร้อน ส่งผลให้เกิดไฟป่าขึ้นใหม่ในหลายจุด
นอกจากนี้ ที่โปรตุเกสซึ่งเผชิญกับไฟป่าในพื้นที่ภาคกลางต่อเนื่องมากว่า 1 สัปดาห์ โดยล่าสุดมีกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกว่า 1,600 นาย พร้อมเครื่องบินดับเพลิง 13 ลำ พยายามควบคุมไฟป่าที่เผาผลาญผืนป่าในอุทยานแห่งชาติเซอร์รา ดา เอสเตรลา (Serra da Estrela National Park) ไปแล้วกว่า 15%
ขณะเดียวกัน ภาวะคลื่นความร้อนที่แผ่ปกคลุมยุโรป ยังส่งผลให้เกิดภัยแล้ง โดยที่เยอรมนีพบว่าระดับน้ำในแม่น้ำไรน์ ลดลงจนเรือสินค้าหลายลำไม่สามารถเดินทางได้
ส่วนที่อังกฤษ ซึ่งเผชิญสภาพอากาศร้อนและแล้งต่อเนื่องมานานหลายสัปดาห์ ส่งผลให้รัฐบาลต้องประกาศภาวะแห้งแล้งอย่างเป็นทางการในพื้นที่ภาคใต้ กลางและตะวันออก โดยถือเป็นการเผชิญภัยแล้งครั้งแรกในรอบ 4 ปี ซึ่งในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ยังถือเป็นเดือนกรกฎาคมที่แห้งแล้งที่สุดของอังกฤษในรอบ 87 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 1935 โดยมีฝนตกเฉลี่ยตลอดทั้งเดือนเพียงประมาณ 35%
ภาพ: Photo by Jerome Gilles / NurPhoto via Getty Images
อ้างอิง: