×

ปิดฉากยุคทอง ‘ตลาดหุ้นกู้จีน’ หลังวิกฤตอสังหาทำพัง นักลงทุนเจ็บตัวถ้วนหน้า มูลค่าออกขายใหม่ลดลงกว่า 4 เท่าในปีนี้

09.08.2022
  • LOADING...
ตลาดหุ้นกู้จีน

ตลาดตราสารหนี้จีนที่มีมูลค่า 2.03 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เคยเป็นหนึ่งในตลาดที่มีความต้องการจากกองทุนขนาดใหญ่ทั่วโลก เช่น PIMCO และ UBS ปัจจุบันกลับกลายเป็นตลาดที่แทบจะเรียกได้ว่าตายไปแล้ว ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศที่ขนเงินเข้ามาลงทุน ต่างเผชิญกับการขาดทุนแทบทั้งสิ้น 

 

หุ้นกู้ภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ปัจจุบันกลายเป็นหุ้นกู้ขยะ (Junk Bond) เคยเป็นหนึ่งในหุ้นกู้ที่สร้างกำไรอย่างงามมากที่สุดในรอบทศวรรษที่ผ่านมา หนุนจากเศรษฐกิจของจีนที่เติบโตอย่างมาก 

 

นับแต่หุ้นกู้จีนเริ่มออกสู่ตลาดในปี 1997 นักลงทุนสถาบันอย่าง Credit Suisse Group AG และ Goldman Sachs Group Inc. ได้นำเงินทุนจากทั่วทั้งโลกเข้ามาลงทุนในหุ้นกู้จีน ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนอย่างดีและยากที่จะเกิดการผิดนัดชำระหนี้ และในยุคที่หุ้นกู้กลายเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนติดลบ หุ้นกู้จีนกลายเป็นทางเลือกเพื่อเพิ่มผลกำไรสำหรับการลงทุนในหุ้นกู้ แม้แต่กองทุนเพื่อการเกษียณและกองทุนของบริษัทประกัน ต่างก็เข้ามาลงทุนด้วยเช่นกัน 

 

“ฮ่องกงเป็นเหมือนประตูที่ทำให้ทั่วโลกรู้จักกับหุ้นกู้ผลตอบแทนสูงของจีน ที่เรียกได้ว่าเป็นยุคทองของการลงทุนในหุ้นกู้” Andy Chang หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ของบริษัทที่ปรึกษาการเงินอย่าง Hermitage Capital กล่าว

 

ก่อนหน้านี้มีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่เพียงรายเดียวเท่านั้นที่เคยผิดนัดชำระหนี้ จนกระทั่งมีรายต่อมาเมื่อเดือนธันวาคมปีก่อนคือ Evergrande 

 

ล่าสุด การผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก ขณะที่มูลค่าของตลาดหายไปรวมกันกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ กองทุนที่เน้นลงทุนหุ้นกู้จีนภายใต้ Fidelity International Ltd. ขาดทุน 37% ในปีนี้ ขณะที่มูลค่าสินทรัพย์ของกองทุนค่อยๆ ลดลงสู่ระดับ 985 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่งจากช่วงพีคเมื่อกลางปี 2021 ส่วนกองทุนภายใต้การบริหารของ Value Partners Group Ltd. ขาดทุน 32% 

 

นอกจากนี้ บางกองทุนกำลังเผชิญกับการแห่ถอนเงินลงทุนจากลูกค้าหลังจากการขาดทุนหนัก สินทรัพย์ของกองทุนอย่าง BFAM ลดลงราว 1 ใน 3 ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา เหลือเพียงประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า หนึ่งในกองทุนของ L&R Capital ขาดทุนไป 18.9% สำหรับ 5 เดือนแรกของปีนี้ 

 

นับแต่ทศวรรษที่ 90 ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่หนุนการเติบโตของจีน และคิดเป็นสัดส่วนราว 20% ของ GDP ของจีน ก่อนที่รัฐบาลจะเริ่มเข้ามาคุมเข้ม หลังจากที่เกิดภาวะเก็งกำไรจนราคาภาคอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้น

 

ในช่วงพีคของภาคอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มลูกค้าระดับ High Net Worth ต่างทุ่มเงินลงทุนเข้าสู่หุ้นกู้ที่ให้ผลตอบแทนสูงของจีน แม้ว่าจะเป็นหุ้นกู้ระดับขยะ ผลตอบแทนของหุ้นกู้เหล่านี้อยู่ที่ราว 50% ในช่วงปี 2012-2015 และให้ผลตอบแทน 12% ระหว่างปี 2018-2019 หุ้นกู้เหล่านี้เป็นที่นิยมอย่างมากจนทำให้ราคาขายมีพรีเมียมถึงประมาณ 8% 

 

Chang กล่าวว่า “ผมบอกลูกค้าว่าหากคุณซื้อหุ้นกู้เหล่านี้ที่ราคาพรีเมียมขนาดนี้ เท่ากับว่าคุณยอมเสียผลตอบแทนปีแรกไปเลย แต่ลูกค้าก็ยังคงอยากที่จะซื้ออยู่ดี” 

 

ขณะที่ช่วงพีคของตลาดคือปี 2015-2016 ซึ่งเป็นช่วงที่เขาทำงานกับ Nomura โดยช่วงนั้นมีการซื้อขายหุ้นกู้เหล่านี้ถึงวันละ 30-40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

 

ในช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีนต้องเผชิญกับนโยบายควบคุมโควิด กดดันให้ยอดขายบ้านในจีนของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 100 อันดับแรก ลดลงต่อเนื่อง 12 เดือนติดต่อกัน ขณะที่การผิดนัดชำระหนี้พุ่งทำสถิติสูงสุดเมื่อปีก่อน และคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในปีนี้ โดยเฉพาะจากบรรดาบริษัทขนาดใหญ่ที่ผิดนัดชำระหนี้กว่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ 

 

นอกจากนี้ ผลตอบแทนจากดอกเบี้ยลอยตัวสูงกว่า 25% ในขณะที่ราคาของหน่วยลงทุนติดลบเป็นเวลา 11 เดือน ยาวนานที่สุดเป็นสถิติใหม่ หนึ่งในวาณิชธนากรรายหนึ่งเปิดเผยว่า ระหว่างปี 2018-2019 เขาทำดีลการลงทุนในหุ้นกู้ไปราว 200-250 ดีลต่อปี แต่ปัจจุบันตลาดเงียบเหงาลงอย่างมาก 

 

ในปีนี้มีผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพียงรายเดียวที่ออกขายหุ้นกู้ผลตอบแทนสูง ขณะที่มูลค่าของหุ้นกู้สกุลเงินต่างประเทศที่ออกขายในเอเชียลดลงราว 38% ในปีนี้ เหลือเพียงประมาณ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ช่วงพีคเมื่อปี 2019 มีการออกขายคิดเป็นมูลค่าถึง 8.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ 

 

Jenny Zeng หัวหน้าฝ่ายหุ้นกู้เอเชียแปซิฟิกของ AllianceBernstein กล่าวว่า เวลานี้ความเชื่อมั่นพังลงไปอย่างราบคาบ ทั้งในส่วนของตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดทุน รัฐบาลจำเป็นจะต้องเข้ามาฟื้นความเชื่อมั่นของทั้งอุตสาหกรรม 

 

เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา วิกฤตครั้งใหม่เข้ามากระทบภาคอสังหาริมทรัพย์จีนอีกครั้ง เมื่อผู้คนนับแสนรายปฏิเสธที่จะจ่ายค่าผ่อนบ้านสำหรับโครงการที่ยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ซึ่งก็รวมถึงโครงการของ Evergrande 

 

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนจุดสิ้นสุดของยุคทองของการลงทุนในหุ้นกู้จีน อย่างไรก็ตาม Chang กล่าวว่า “ตลาดหุ้นกู้จีนจะฟื้นตัวกลับมาได้ในวันใดวันหนึ่ง ถึงแม้ว่ามันจะแตกต่างออกไปจากเดิม”

 

อ้างอิง: 

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising