ก่อนห้องอาหารไทย ศิลาดล (Celadon) ในโรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ จะปิดให้บริการชั่วคราวเนื่องจากไวรัสระบาด ที่นี่เคยเป็นอีกห้องอาหารไทยขึ้นชื่อที่ชาวต่างชาตินิยมมากินและมีชื่อเสียงมากทีเดียว ทั้งด้วยบรรยากาศ ประสบการณ์ และรสชาติฝีมือเชฟคนไทย ซึ่งรวมเข้าด้วยกันแล้วทำให้ที่นี่มีหลายๆ สิ่งที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ตามหา
ทันทีที่นักเดินทางเริ่มกลับมามากขึ้น ทางโรงแรมเลยตัดสินเปิดประตูห้องอาหารไทยศิลาดลอีกครั้ง เพื่อต้อนรับทุกคนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้กลับมาลิ้มรสอาหารไทยฝีมือคนไทย พร้อมด้วยเมนูใหม่ที่ ‘เชฟริน-รสริน ศรีประทุม’ ยังคงเลือกใช้วัตถุดิบในประเทศจากหลายท้องถิ่น เช่นเดียวกับรสชาติที่ยังคงปรุงแบบดั้งเดิม
บรรยากาศด้านในที่มีกลิ่นอายไทยแบบคลาสสิก
ตอนนี้ห้องอาหารจะเสิร์ฟทั้งเมนูอะลาคาร์ตและเซ็ตเมนูที่กำลังจะเริ่มในอนาคตอันใกล้ ซึ่งการไปเยือนห้องอาหารศิลาดลของเราในครั้งนี้ เชฟรินขอนำเสนอเป็นเมนูใหม่และเมนูเดิมที่หลายคนชื่นชอบก่อน เพราะหลายจานมีการปรับรสชาติให้เข้มข้นถูกปากคนไทยมากขึ้นด้วย
อีกทั้งเชฟอยากให้หลายคนได้ชิมหลายๆ เมนู วันนี้เลยจัดเป็นคอร์สแบบพิเศษ ดังนั้นหลายเมนูที่เห็นจะไม่ใช่ขนาดตามจริง
เมนูแนะนำจานแรกคือ ข้าวเกรียบปากหม้อโบราณ (550 บาท) เชฟทำแป้งข้าวเกรียบเองโดยนำสูตรมาจากชาวบ้าน ทำให้ไม่มีขายที่ไหนแน่นอน ส่วนด้านในเป็นไส้เห็ด ด้านบนท็อปด้วยเนื้อปู ส่วนซอสเป็น Coconut Vinegar ที่หมักเองนาน 2 เดือน เวลากินตัดแบ่งเป็นคำๆ ได้เพราะชิ้นค่อนข้างใหญ่
ข้าวเกรียบปากหม้อโบราณ (550 บาท)
ต่อมา ทอดมันกุ้งแชบ๊วย (550 บาท) ใช้กุ้งจากปากน้ำกระบี่มาทำทอดมัน ข้างๆ กันเป็นผักดองที่ใช้สับปะรดจากจันทบุรีมาทำเป็นน้ำส้มสายชูเพื่อดอง พร้อมราดน้ำจิ้มบ๊วยมาให้เสร็จสรรพรับประทานได้เลย พล่าเนื้อมะเขือเปราะ (580 บาท) มีกลิ่นอายอีสานจางๆ ทำให้หลายคนกินง่าย โดยเชฟใช้เนื้อวัวชาร์โรเลส์ส่วนเทนเดอร์ลอยน์จากจังหวัดสุรินทร์มาคลุกเคล้าใส่เครื่องพล่า และใช้ส้มซ่าแทนมะนาว
ทอดมันกุ้งแชบ๊วย (550 บาท) และ พล่าเนื้อมะเขือเปราะ (580 บาท)
แกงเลียงเนื้อปูม้ากับกุ้งสด (580 บาท) เติมความเผ็ดร้อนด้วยจานนี้ที่ทุกคนกินได้อีกเช่นกัน เพราะสำหรับคนไทยอาจถือว่าไม่เผ็ดมาก แต่สำหรับคนไม่กินเผ็ดก็พอได้รับรสชัดเจน เชฟรินบอกว่าเมนูนี้ใช้ผักและสมุนไพรพื้นบ้านตามสไตล์แกงเลียง แต่เชฟจะเพิ่มกะปิคลองโคนจากบ้านเกิดกับพริกสดเข้ามาด้วย และเพิ่มเนื้อกุ้งปู
แกงเลียงเนื้อปูม้ากับกุ้งสด (580 บาท)
จานหลักที่เชฟเสิร์ฟให้ชิมมี 3 อย่าง คือ กุ้งแม่น้ำย่างไม้โมก (2,700 บาท) เสิร์ฟพร้อมซอสฉู่ฉี่และน้ำปลาหวาน มะระหวานผัดไข่ (380 บาท) น่าจะเป็นจานคอมฟอร์ตฟู้ดที่หลายคนไม่ได้กินนานแล้ว เชฟเลือกใช้และทำเนื้อมะระได้หวานกรอบกินง่ายดี
แต่จานที่ต้องยกให้เป็นไฮไลต์และไม่อยากให้ทุกคนพลาดคือ แกงสิงหลแก้มวัว (780 บาท) เพราะเชฟนำแก้มวัวไปสโลว์คุกนาน 12 ชั่วโมงจนเปื่อยนุ่ม ก่อนนำมาใส่ในเครื่องแกงสิงหลที่ทำเอง โดยรสชาติและเนื้อแกงจะคล้ายมัสมั่นผสมพะแนง มีความเข้มข้นเข้าเนื้อ ซึ่งเชฟรินบอกว่าเธอเพิ่มผักชีลาว ใบเตย และเบย์ลีฟลงไปด้วย เพื่อกลบกลิ่นเนื้อและเพิ่มความหอม
กุ้งแม่น้ำย่างไม้โมก (2,700 บาท)
แกงสิงหลแก้มวัว (780 บาท)
ปิดท้ายด้วยของหวาน ขนมโคงาขี้ม่อน (420 บาท) ด้านนอกเป็นแป้งสีเขียวจากใบเตย ส่วนไส้ด้านในเป็นงาขี้ม่อนจากเชียงราย และอีกเมนูที่ไม่อยากให้พลาด ไอศกรีมมันย่าง (150 บาท) เสิร์ฟมาแบบไอศกรีมแท่งชื่อดังแต่มีความครีมมี่ และมีเนื้อมันหวานท็อปมาให้ด้วย
ขนมโคงาขี้ม่อน (420 บาท)
ไอศกรีมมันย่าง (150 บาท)
ห้องอาหารศิลาดล กลับมาเปิดให้บริการแล้ว ทุกวันพฤหัสบดี-เสาร์ เฉพาะมื้อค่ำเท่านั้น เวลา 18.00-23.00 น. โดยจะมีการแสดงให้ชม 2 ช่วงเวลา คือ 19.30 น. และ 20.30 น. สามารถสอบถามหรือสำรองที่นั่งได้ผ่านเบอร์โทรศัพท์ 0 2344 8888 หรืออีเมล [email protected]
You may also like: Khao, Paste, Saneh Jaan
Celadon
Location: โรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ ถนนสาทรใต้ เขตสาทร
Open: เปิดบริการทุกวันพฤหัสบดี-เสาร์ เวลา 18.00-23.00 น.
Contact: 0 2344 8888
Budget: 2,000 บาท
Facebook: https://www.facebook.com/thesukhothai