เมนูฟาสต์ฟู้ดมักมีบทบาทในช่วงเวลาที่เร่งรีบ ซึ่งเมนูเหล่านี้ในแต่ละยุคสมัยก็แตกต่างกันไป อย่างเมนูของ McDonald’s ช่วงปลายทศวรรษที่ 1970 ก่อนจะมี McNuggets ก็ได้มีเมนูหัวหอมทอด (Onion Nuggets) มาก่อน หรืออย่าง Pizza Hut ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1990 ได้มีเมนู Bigfoot Pizza พิซซ่าขนาดยักษ์ 2 ตารางฟุต ที่ขายในราคา 10 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 363 บาท) เมื่อเวลาผ่านไป เมนูเหล่านี้ก็ได้มีวิวัฒนาการปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ล่าสุด Burger King เริ่มมีความสนใจในการปรับเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่เช่นกัน เพราะเมื่อพูดถึงอาหารฟาสต์ฟู้ด ภาพจำของใครหลายคนต้องนึกถึงเมนูที่นำเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ มาปรุงใหม่ไม่ว่าจะทอดหรือย่าง โดยใช้เวลาไม่นานก็พร้อมเสิร์ฟให้กับลูกค้า
แต่ภายในปี 2030 นี้ Burger King มีความตั้งใจว่าจะลดเมนูเนื้อสัตว์เหลือเพียง 50% และเพิ่มเมนู ‘มังสวิรัติ’ เข้าไปแทน ในระยะเวลา 8 ปีนี้ สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงไปคือเมนูที่เป็นเนื้อวัวและเนื้อไก่ จะเปลี่ยนเป็นทางเลือกจากพืช พร้อมมุ่งเน้นไปที่อาหารมังสวิรัติ, Whoppers และนักเก็ตมากขึ้น
แล้วภาพจำ Burger King กับเมนูเบอร์เกอร์เนื้อจะหายไปไหม? นักลงทุนรายอื่นจะยังคงลงทุนหรือไม่?
หากมองในภาพกว้าง เทรนด์การเลือกรับประทานอาหารของมนุษย์เริ่มมีความสนใจที่จะรักษาสุขภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยการออกกำลังกายหรือแม้แต่การเลือกรับประทานอาหารเอง ทุกคนต่างอยากมีสุขภาพที่ดีขึ้นภายใต้โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และมลพิษตลอดเวลา
ซึ่งตามรายงานของ Bloomberg ระบุว่า ตลาดอาหารที่ผลิตมาจากพืชไม่ใช่ตลาดใหม่อย่างแน่นอน ภายในปี 2030 หรือปีเดียวกันกับที่ Burger King จะเจาะตลาดใหม่ ตลาดพืชคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่า 162 พันล้านดอลลาร์ และแน่นอนว่าเป็นการลงทุนที่สร้างกำไรมหาศาลกับร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด
นอกจากนี้ Business Insider ยังตั้งข้อสังเกตต่อตลาดอาหารฟาสต์ฟู้ดอีกหลายแห่งว่า พวกเขาเริ่มมีการปรับตัวเพื่อที่จะเข้าสู่ตลาดมังสวิรัติกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น McDonald’s, Chipotle หรือแม้แต่ KFC เอง
อ้างอิง: