×

เงินเฟ้อพุ่ง-ตลาดหุ้นซบเซา เอาเงินไปเก็บใน ของสะสม ชนิดไหนดี?

30.07.2022
  • LOADING...
ของสะสม

ของสะสม ชนิดไหนดีต่อการลงทุน? ช่วงนี้ทั้งสถานการณ์ในตลาดหุ้นและภาวะเงินเฟ้อทำให้นักลงทุนเริ่มมองหาแหล่งพักเงินที่ยังคงรักษาระดับมูลค่าพอที่จะทำกำไรหรือย่างน้อยก็คงที่ ทำให้การลงทุนในของสะสมกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ และในระยะยาวก็นำมาออกขายทำกำไรในภายหลัง โดยปกติการลงทุนทางเลือก หรือ Alternative Investment มักมีสัดส่วนการลงทุนในพอร์ตอยู่ที่ 5-10% แต่ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ถ้าคิดจะปรับพอร์ตควรเลือกลงทุนในอะไรดี ลองไปดูสถิติย้อนหลังว่ามีของสะสมชนิดไหนบ้างที่รักษามูลค่าได้ดีสวนทางกับเศรษฐกิจ 

 

ไวน์

 

ของสะสม

 

ไวน์เกรดการลงทุนมีอัตราการเติบโต 10% ต่อปี ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา จากข้อมูลของ Liv-ex ซึ่งติดตามอัตราการเติบโตของไวน์ชั้นดี สอดรับกับรายงานของ Wealth Report 2022 ว่าราคาไวน์เกรดการลงทุนราคาเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1% ต่อเดือนในช่วงปี 2021 โดยแชมเปญและไวน์เบอร์กันดีทำราคาได้ดีเป็นพิเศษอยู่ที่ 31% และ 25% ตามลำดับ เนื่องจากความกังวลการขาดแคลนในห่วงโซ่อุปทาน 

 

นอกจากนี้ไวน์ยังมีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นค่อนข้างต่ำ ทำให้เป็นการป้องกันความเสี่ยงจากการแกว่งของราคาหุ้น โดยดัชนี Liv-ex แสดงให้เห็นว่าไวน์ชั้นดีมีมูลค่าเพิ่มขึ้นประมาณ 10.3% ช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน ส่วนดัชนี S&P 500 ตกลงมากกว่า 13% ในช่วงเวลาเดียวกัน และเมื่อย้อนกลับไปช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2008 ดัชนี S&P 500 ลดลงประมาณ 39% ในขณะที่ราคาไวน์ลดลงน้อยกว่า 1% เท่านั้น 

 

ในแต่ละปีจะมีการผลิตไวน์ระดับการลงทุนจำนวนจำกัด ซึ่งปริมาณจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อผนวกกับวัฒนธรรมการดื่มไวน์แทนภาพลักษณ์ความหรูหรา ยิ่งทำให้ตลาดเติบโตไปพร้อมๆ กับเหล่าบรรดาเศรษฐีใหม่ที่เกิดขึ้นทั่วโลก 

 

เมื่อเร็วๆ นี้ นักลงทุนสองพี่น้อง Giovanni และ Piero Buono นักลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีชาวอิตาเลียน เพิ่งซื้อ Champagne Avenue Foch ในราคาราวๆ 92 ล้านบาท ซึ่งเป็นแชมเปญจากองุ่นชั้นดี พ่วงมาด้วย NFT บนขวดที่ตกแต่งด้วยภาพวาดโดยศิลปินที่อยู่เบื้องหลัง Bored Ape Yacht Club เพื่อเป็นแหล่งพักเงินในช่วงที่ตลาดคริปโตถดถอยอย่างหนัก แม้ว่าราคาของ Bored Ape Yacht Club จะตกลงถึง 33% ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่แชมเปญ Champagne Avenue Foch ขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์แชมเปญที่ผลิตออกมาอย่างจำกัด ซึ่งน่าจะสร้างมูลค่าได้ในอนาคต 

 


 

งานศิลปะ

 

ของสะสม

 

ในช่วงปีที่ผ่านมา NFT กลายเป็นที่พูดถึงสำหรับนักสะสมรุ่นใหม่ แต่งานศิลปะของจริงก็ยังเป็นของสะสมที่สร้างกำไรให้กับนักลงทุนอยู่ดี โดยเฉพาะนักสะสมระดับมหาเศรษฐีที่นิยมพักเงินไว้ในงานศิลปะมาอย่างยาวนาน 

 

ความจริงแล้วตลาดงานศิลปะมีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้น แต่มีแนวโน้มล่าช้ากว่า 6-18 เดือน เช่น ช่วงเศรษฐกิจถดถอยในปี 2007-2008 กว่าที่ตลาดงานศิลปะจะได้รับผลกระทบก็คือช่วงปี 2009 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาหุ้นเริ่มฟื้นตัว โดยราคาประมูลงานศิลปะลดลงประมาณ 27.2% ในขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 57% จากจุดสูงสุดในช่วงปีนั้น โดย Citi รายงานว่างานศิลปะมีราคาปรับตัวสูงขึ้นราวๆ 13.8% ระหว่างปี 1995-2021 ส่วน Wealth Report 2022 รายงานว่า ยอดขายงานศิลปะเพิ่มขึ้น 13% ในปี 2021 เมื่อเทียบกับปี 2020 

 


 

นาฬิกา

 

ของสะสม

 

อีกของสะสมที่รักษามูลค่าได้ในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอยคือนาฬิการะดับไฮเอนด์ จากสถิติ ช่วงเศรษฐกิจถดถอยในปี 2008 มูลค่าการประมูลนาฬิกาหรูสูงถึง 3.65 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 2.026 พันล้านบาทในปี 2007 นอกจากนี้ ราคานาฬิกายังเพิ่มขึ้นในช่วงหลายเดือนหลังเหตุการณ์ 11 กันยายน 2001 อีกด้วย 

 

ความต้องการนาฬิกาหรูพุ่งสูงขึ้นอย่างมากในช่วงปี 2021 จนราคาแตะระดับสูงสุดในตลาดรีเซลเมื่อช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนที่ผ่านมา และค่อยๆ ปรับตัวลดลงเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี้เอง 

 


 

การ์ดสะสม

 

ของสะสม

 

การ์ดสะสมไม่ว่าจะเป็นการ์ดกีฬาหรือการ์ดเกมต่างๆ ทำยอดขายได้อย่างน่าสนใจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยใน eBay มีการซื้อขายการ์ดกีฬามูลค่ากว่า 3.2 หมื่นล้านบาทเฉพาะไตรมาสแรกของปี 2021 และยอดขายการซื้อขายการ์ดยังเพิ่มขึ้นถึง 142% ในปี 2020 จากปี 2019 ในขณะที่การ์ดเกม เช่น Pokémon ก็มียอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 500% ในช่วงเวลาเดียวกัน

 

การ์ด Pokémon หายากอาจทำราคาได้สูงขึ้นถึง 350 เท่า ในขณะที่การ์ดเก่าหายากก็สร้างสถิติราคาได้อย่างน่าสนใจ อย่างเช่น การ์ดโฮโลแกรม Charizard จากปี 1999 ขายบน eBay ในราคา 11 ล้านบาท หรืออย่างช่วงต้นปีที่แล้ว การ์ด Pokémon Topsun Charizard ของ นุ-กฤช แก้วสุวรรณ นักสะสมการ์ดชาวไทยในอเมริกา ก็ทำราคาสถิติโลกอยู่ที่ 14.5 ล้านบาท

 

ขณะที่การ์ด Yu-Gi-Oh! จากมังงะชื่อดัง ยูกิโอ เกมกลคนอัจฉริยะ ก็กลายเป็นที่พูดถึงอีกครั้งหลังจากอาจารย์คาซูกิ ทาคาฮาชิ ผู้สร้างตำนานการ์ตูนเรื่องดังกล่าวเสียชีวิตลงเมื่อเร็วๆ นี้ โดยราคาของการ์ดหายาก เช่น Blue Eyes White Dragon 1st Edition PSA 10 จากปี 2002 มีราคาประเมินอยู่ที่ราวๆ 3.67 ล้านบาท และเหลือการ์ดสภาพสมบูรณ์เพียง 90 ใบในโลก ส่วน Shonen Jump Championship Cyber-Stein PSA 10 จากปี 2004 ก็มีราคาประเมินอยู่ที่ 1.28 ล้านบาท และเหลืออยู่เพียง  22 ใบ จากจำนวน 100 ใบที่ผลิตออกมา 

 


บทความที่เกี่ยวข้อง


 

อ้างอิง: 

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X