Gazprom บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย เปิดเผยว่า บริษัทจะปรับลดปริมาณการส่งก๊าซให้สหภาพยุโรป (EU) ผ่านท่อส่ง Nord Stream 1 ลงอีกในสัปดาห์นี้ โดยอ้างเหตุผลว่าจะต้องซ่อมบำรุงระบบของท่อส่งดังกล่าว
แถลงการณ์จาก Gazprom ระบุว่า ปริมาณการส่งก๊าซจะลดลงแตะ 33 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันในสัปดาห์นี้ หรือเหลือเพียง 20% จากความจุทั้งหมด เทียบกับระดับ 40% ในเดือนมิถุนายนที่ถือว่าต่ำมากอยู่แล้ว เนื่องจากจำเป็นต้องซ่อมแซมระบบกังหันก๊าซ Siemens Energy ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเยอรมนีมองว่าแท้ที่จริงแล้วไม่มีเหตุผลทางเทคนิคใดๆ ที่รัสเซียจะต้องปิดระบบกังหันก๊าซ โดยมองว่านี่เป็นกลยุทธ์ของรัสเซียที่ต้องการกดดันประเทศในยูโรโซนที่กำลังเร่งสำรองก๊าซในคลังไว้สำหรับใช้ในช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่ยอดการใช้งานก๊าซจะสูงขึ้นกว่าปกติ โดยคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้วอนขอให้ประเทศต่างๆ ลดการใช้งานก๊าซลง 15% ในช่วง 7 เดือนข้างหน้า หลังรัสเซียขู่ว่าอาจปรับลดปริมาณการส่งลงอีก
โรเบิร์ต ฮาเบค รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนี กล่าวว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย ‘กำลังเล่นเกมที่ไร้สัจจะ’ เพื่อหวังกดดันให้ชาติตะวันตกหยุดช่วยเหลือยูเครน
“ปูตินพยายามสร้างสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนและปั่นราคาพลังงานให้สูงขึ้น ซึ่งเราจะตอบโต้ด้วยความสามัคคีและมาตรการที่เข้มข้น” ฮาเบคกล่าว
โดยในวันนี้ (26 กรกฎาคม) รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานจาก EU จะมาร่วมประชุมกันในกรุงบรัสเซลส์ เพื่อหารือถึงแนวทางรับมือกับความเป็นไปได้ที่รัสเซียอาจระงับการจัดส่งพลังงานมายังยุโรป ขณะสื่อต่างประเทศคาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้ที่บางประเทศอาจไม่เห็นด้วยกับนโยบายเลิกพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียอย่างสิ้นเชิง ท่ามกลางราคาก๊าซที่ทะยานขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่ที่รัสเซียเปิดฉากส่งทหารรุกรานยูเครนในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์
ก่อนหน้านี้ Gazprom ได้ระงับการส่งออกก๊าซไปยังบัลแกเรีย เดนมาร์ก ฟินแลนด์ เนเธอร์แลนด์ และโปแลนด์ เนื่องจากประเทศเหล่านี้ปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัสเซียที่ต้องการให้จ่ายเงินเป็นสกุลรูเบิลแทนยูโรหรือดอลลาร์ เพื่อพยุงค่าเงินรูเบิลที่ร่วงลงอย่างหนักจากการถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ
แฟ้มภาพ: Stefan Sauer / picture alliance via Getty Images
อ้างอิง: