×

สธ. เผย โควิดสายพันธุ์ BA.4 / BA.5 แพร่เร็ว-รุนแรง และหลบวัคซีนได้ดีกว่า BA.2 ทำให้ติดเชื้อซ้ำได้ ต้องฉีดเข็มกระตุ้น

โดย THE STANDARD TEAM
25.07.2022
  • LOADING...
ศุภกิจ ศิริลักษณ์

วันนี้ (25 กรกฎาคม) ที่กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงสถานการณ์การเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด และการติดตามภูมิคุ้มกันของผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็ม 3 ต่อ BA.5 ว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (16-22 กรกฎาคม) ได้ตรวจเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิดจำนวน 468 ราย พบเป็นสายพันธุ์ BA.4 / BA.5 มากสุดจำนวน 320 ราย คิดเป็น 68.38% ส่วนสายพันธุ์ BA.2 พบ 143 ราย คิดเป็น 30.56% และสายพันธุ์ BA.1 อีก 5 ราย คิดเป็น 1.07% โดยในกรุงเทพมหานคร (กทม.) พบ BA.4 / BA.5 80% มากกว่าภูมิภาคที่พบ 60% แสดงว่า BA.4 / BA.5 แพร่เร็วกว่า BA.1 และ BA.2 สอดคล้องกับสถานการณ์ที่มีผู้ติดเชื้อมากขึ้น ซึ่งเมื่อถอดรหัสพันธุกรรมพบว่าเป็น BA.5 ประมาณ 75% และ BA.4 ประมาณ 25%

 

นพ.ศุภกิจกล่าวว่า ส่วนความรุนแรง จากการเปรียบเทียบกลุ่มอาการไม่รุนแรงและรุนแรงในช่วงดังกล่าว พบว่าในพื้นที่ กทม. ผู้ป่วยอาการไม่รุนแรง 122 ราย พบเป็น BA.4 / BA.5 77.05% กลุ่มอาการรุนแรงพบ 87.04% ในพื้นที่ต่างจังหวัด กลุ่มอาการไม่รุนแรง 345 ราย พบ 55.61% กลุ่มรุนแรง 53 ราย พบ 73% หากพิจารณาข้อมูลตั้งแต่วันที่ 2-22 กรกฎาคม 2565 พบว่า พื้นที่ กทม. ผู้ป่วยอาการไม่รุนแรง 475 ราย พบเป็น BA.4 / BA.5 76% อาการรุนแรง 101 ราย พบ 78.22% และในภูมิภาคอาการไม่รุนแรง 774 คน พบ 41.99% อาการรุนแรง 137 ราย พบ 59.12% ซึ่งจากการพบสัดส่วนของ BA.4 / BA.5 ในผู้ป่วยอาการรุนแรงสูงกว่า จึงอนุมานได้ว่าถ้าติดเชื้อ BA.4 / BA.5 น่าจะมีโอกาสเกิดอาการรุนแรงมากกว่า

 

สำหรับสายพันธุ์ BA.2.75 ตำแหน่งที่กลายพันธุ์คือ G446S และ Q493R ทำให้จับกับเซลล์ปอดมนุษย์ได้มากขึ้น จึงน่าเป็นห่วงว่าจะแพร่ค่อนข้างเร็วหรือหลบภูมิคุ้มกันได้ อาจติดเชื้อซ้ำหรือทำให้วัคซีนมีประสิทธิผลลดลง แต่ทั้งหมดเป็นการดูจากตำแหน่งที่กลายพันธุ์ ต้องติดตามข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงต่อไป โดยขณะนี้ยังไม่สามารถตรวจสายพันธุ์ BA.2.75 ได้ในพื้นที่ ต้องใช้การถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว ดังนั้น หากพบสายพันธุ์ที่ไม่เข้ากับ BA.2, BA.4 และ BA.5 จะต้องส่งมาถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว แต่ประมาณสัปดาห์หน้าจะผลิตน้ำยาตรวจเฉพาะ BA.2.75 เพื่อให้พื้นที่ตรวจเบื้องต้นได้เร็วขึ้น

 

นพ.ศุภกิจกล่าวต่ออีกว่า กรมฯ ได้ศึกษาภูมิคุ้มกันของคนที่ได้รับวัคซีนเข็ม 3 ต่อสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BA.5 ตามวิธีมาตรฐาน โดยเพาะเชื้อแล้วนำมาทดสอบกับภูมิคุ้มกันในน้ำเลือดของคนที่ฉีดวัคซีน 3 เข็ม หลังจากนั้น 2 สัปดาห์ โดยใช้วิธี Plaque Reduction Neutralization Test (PRNT) ในห้องแล็บความปลอดภัยระดับ 3 พบว่า สูตร Sinovac 2 เข็ม ตามด้วย AstraZeneca ภูมิคุ้มกันต่อ BA.2 ที่ 203.5 เมื่อเป็น BA.5 ลดลงเหลือ 89.79, สูตร Sinovac 2 เข็ม ตามด้วย Pfizer ภูมิคุ้มกันต่อ BA.2 ที่ 345.8 เมื่อเป็น BA.5 ลดลงเหลือ 153.8, สูตร AstraZeneca 2 เข็ม ตามด้วย Pfizer ภูมิคุ้มกันต่อ BA.2 ที่ 226.2 เมื่อเป็น BA.5 ลดลงเหลือ 86.51 และสูตร Sinovac ตามด้วย AstraZeneca 2 เข็ม ภูมิคุ้มกันต่อ BA.2 ที่ 84.60 เมื่อเป็น BA.5 ลดลงเหลือ 43.60 ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยในต่างประเทศที่พบว่าหลังติดเชื้อ BA.1 และ BA.2 ประมาณ 2 สัปดาห์ และ 4 สัปดาห์ เมื่อเป็นเชื้อ BA.4 / BA.5 ภูมิคุ้มกันจะลดลงประมาณ 3 เท่า จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงติดเชื้อซ้ำได้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสายพันธุ์ BA.5 จะหลบภูมิคุ้มกันจากวัคซีนได้ดีกว่า BA.2 แต่การฉีดวัคซีนยังป้องกันโรคได้พอสมควร จึงขอให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนเข็ม 2 หรือเข็ม 3 นานแล้วมารับเข็มกระตุ้น เนื่องจากวัคซีนทุกสูตรเมื่อผ่านไป 3-4 เดือนภูมิคุ้มกันจะลดลง ร่วมกับการใช้มาตรการป้องกันตนเอง Universal Prevention ด้วยการใส่หน้ากาก ล้างมือ และเว้นระยะห่าง จะช่วยลดโอกาสรับและแพร่เชื้อได้

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X