วันนี้ (23 กรกฎาคม) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดน่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย, สุทิน คลังแสง ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน และ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ และสมาชิกพรรค ร่วมแถลงข่าวภายหลังการลงมติ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้ง 11 คน
นพ.ชลน่านกล่าวว่า วันนี้ยอมรับผลการลงมติตามกลไกของรัฐสภาที่วัดจากผลข้างมากเป็นหลัก แม้คาดหวังว่าสิ่งที่ทำหน้าที่ ข้อกล่าวหา และหลักฐานจะชัดเจนเพียงใด แต่ไม่มีผลต่อการลงมติไม่ไว้วางใจ ดังนั้นขอแสดงความยินดีกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี พร้อมขอแสดงความเสียใจกับประชาชน แม้จะมีผลโหวตไม่ไว้วางใจถึงร้อยละ 98.3 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่ประชาชนต้องการ
นพ.ชลน่านกล่าวว่า อย่างไรก็ตามแม้เสียงในสภาจะไม่ชนะ แต่ย้ำว่า ‘ยุทธการเด็ดหัว สอยนั่งร้าน’ ที่พรรคเพื่อไทยปล่อยออกมานั้นไม่ได้พ่ายแพ้ และมั่นใจภาพนั้นจะเกิดขึ้นจริงเมื่อมีการเลือกตั้ง
ด้านประเสริฐกล่าวว่า แม้ผลการลงมติอาจเป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ แต่ไม่ได้เป็นไปตามที่ประชาชนต้องการ ออกเสียงข้างนอกที่ลงมติไม่อยากให้รัฐบาลนี้ทำหน้าที่ต่อไปแล้ว
ทั้งนี้ ยังมีภารกิจต่อไป อยากให้กำลังใจประชาชนและสมาชิกในการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่จะเป็นผลชี้วัดอีกหนึ่งอย่าง ซึ่งพรรคเพื่อไทยและฝ่ายค้านได้แสดงให้เห็นถึงเอกภาพแตกต่างจากพรรครัฐบาล ที่คะแนนรัฐมนตรีแต่ละคน และรัฐมนตรีระหว่างพรรคค่อนข้างชัดเจน อย่างเช่นคะแนนของ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้คะแนนไว้วางใจต่ำที่สุด ชี้ให้เห็นถึงความไม่เป็นเอกภาพของรัฐบาล พร้อมย้ำว่าพรรคเพื่อไทยจะทำงานอย่างหนักต่อไป เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน พร้อมเตรียมหลักฐานยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อดำเนินการในขั้นต่อไป
ขณะที่สุทินกล่าวว่า ส่วนตัวไม่ผิดหวังกับผลโหวต แต่หวังว่าระบบสภาจะเข้มแข็ง เป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้ แม้ผลการลงมติวันนี้ รัฐมนตรีทุกคนจะผ่าน แต่ก็มีนัยที่ได้แสดงออกมา โดยอยากให้ดูคะแนนงดออกเสียง ซึ่งโน้มเอียงมาทางฝ่ายค้าน รวมถึงความลดหลั่นของคะแนนเสียงแต่ละคน และในระหว่างพรรค ที่สำคัญคือฝ่ายค้านได้รู้ ได้เห็นในสิ่งที่ไม่รู้ และเชื่อว่าสิ่งที่รัฐมนตรีหลายคนได้รับกลับไป คือโลกติเตียน เพราะจะมีข้อครหา คำติฉินนินทา และมีข้อกังขาติดตัวไปอีกนาน นอกจากนั้นหลายคนอาจจะได้รับโทษในกระบวนการยุติธรรม หรืออาจไปจนถึงการยื่นยุบพรรคการเมือง