คำว่า Metaverse เป็นอีกหนึ่งคำที่ถูกหยิบยกมาใช้ในช่วงปี 2020-2021 อย่างหนาหู จนกลายเป็นอีก Buzzword บนโลกธุรกิจของอุตสาหกรรมบล็อกเชน ซึ่งหลายครั้งถูกมองเป็นเครื่องแสดงความทันสมัย และความมีวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก โดย McKinsey บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจชื่อดังของโลก ได้ประเมินมูลค่า Metaverse ในปี 2030 ไว้ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเติบโตสูงถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่องค์กรหลายๆ ระดับให้ความสนใจกันอย่างไม่ขาดสาย ข่าวที่น่าจะเตะหูหลายคนคงเป็นเรื่อง Facebook ที่เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta ที่สื่อถึง Metaverse อย่างตรงไปตรงมา พร้อมพันธกิจที่จะพัฒนา Metaverse ให้เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่จะช่วยขับเคลื่อนสังคมดิจิทัลไปในอีกระดับหนึ่ง โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิยายอย่าง Ready Player One
Metaverse คืออะไร?
แรกเริ่มเดิมที Metaverse ถูกพูดถึงเป็นวงกว้างครั้งแรกจากนิยายของ Neal Stephenson ในปี 1992 ซึ่งนิยามไว้ว่า “Metaverse คือ ความจริงเสมือนในอีกมิติหนึ่ง (แบบ 3D) ที่ทำให้มนุษย์สร้างตัวตนขึ้นมาบนโลกเสมือนนั้น โดยตัวตนดังกล่าวสามารถมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันได้เทียบเท่าโลกแห่งความจริง” จึงทำให้เราติดภาพและจินตนาการว่า Metaverse จริงๆ ควรเป็นภาพ 3D แบบการสวมแว่น VR แล้วท่องไปในโลกเสมือนเหล่านั้น โดยจุดแตกต่างที่ไม่เหมือนกับเกม คือ การพยายามสร้างให้โลกเป็น Virtual World อย่างแท้จริง ทุกคนสามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้อย่างไร้พรมแดน โดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นระดับที่ไม่ใช่เสียงหรือแชต แต่เป็นการสร้างอีกหนึ่งระบบนิเวศที่เปิดกว้างให้ทุกคนสร้างระบบย่อยของตัวเองได้อย่างอิสระ เฉกเช่นเดียวกับโลกแห่งความจริง ที่ทุกคนสามารถสร้างธุรกิจของตัวเองได้ภายใต้ข้อจำกัดทางกฎหมาย และมีแรงขับเคลื่อนสูงมากพอให้ส่งผลกระทบถึงโลกจริงได้ในระดับหนึ่ง โดยการขับเคลื่อนนั้นต้องกระจายไปยังคนในระดับต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย ไม่กระจุกตัวอยู่แค่นักพัฒนาซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- มุ่งหน้าต่อไป! Meta ประกาศการอัปเดตเสร็จสิ้น ผู้ใช้ Facebook และ Instagram กว่า 100 ประเทศ สามารถแชร์ NFT ได้แล้ว
- Facebook ออกคำแนะนำสำหรับแบรนด์ โดยหวังจะช่วยให้ ‘ประสิทธิภาพโฆษณา’ กลับมาเป็นเหมือนเดิม หลังเผชิญการปิดกั้นข้อมูลผู้ใช้จาก iOS
- คนรุ่นใหม่ในเกาหลีใต้หันหลังให้ Facebook พบจำนวนผู้ใช้งานรายเดือนในช่วง 2 ปีมานี้ลดลงกว่า 25%
Metaverse โซลูชันสุดล้ำ กับปัญหาที่ยังไม่เกิด
ในความเป็นจริง นิยามของ Metaverse นั้นกว้างมาก การพยายามตีความขององค์กรธุรกิจปัจจุบันส่วนใหญ่จะจบลงที่การสร้างให้อยู่ในรูปแบบของเกมที่สามารถออกแบบตัวละครเองได้ สามารถเดินชมเมืองได้ อนุญาตให้มีปฏิสัมพันธ์อย่างการแชตหรือพูดคุยในระบบนิเวศนั้นได้ เหลือก็แค่ระบบเก็บเลเวล หาอาวุธ ตะลุยมอนสเตอร์ ก็ครบจบเป็นเกม MMORPG ในรูปแบบ 3D ผ่าน VR ที่เล่นแล้วน่าจะปวดตาและมึนหัวไม่น้อย และแน่นอนว่าความสนุกคงด้อยกว่าเกมที่ซื้อผ่าน Steam อย่างไม่เห็นฝุ่น ยังไม่นับรวมกับการที่จะใช้ Metaverse ผนวกกับเทคโนโลยีบล็อกเชน ที่อาจจะมาช่วยในเรื่องของการระบุตัวตนของผู้ใช้ โดยที่เราไม่สามารถสร้างอวาตาร์ใหม่ภายใต้กระเป๋า (Wallet) เดียวกันได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสวมรอย, ใช้เพื่อหาประวัติความเป็นเจ้าของสิ่งของวัตถุในระบบ เพื่อใช้ในการอ้างสิทธิในกรณีเกิดการโจรกรรมขึ้นใน Metaverse ก็สามารถตามหาของเหล่านี้ได้ไม่ยาก เพราะข้อมูลในระบบบล็อกเชนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้หากเกิดการบันทึกไปแล้ว รวมไปถึงใช้เป็นรากฐานของระบบเศรษฐกิจ เพื่อสร้างระบบการชำระเงินที่มีคุณภาพ
แต่สิ่งที่กล่าวมายังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในยุคปัจจุบันด้วยปัจจัยหลายอย่าง ซึ่งหนึ่งปัจจัยที่ผู้เขียนมองเห็นคือ Metaverse ถูกสร้างขึ้นมาก่อนปัญหาจริงจะเกิด เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปัญหาที่เราพยายามจะแก้ไขจริงๆ ด้วย Metaverse นั้นคืออะไร แม้ Metaverse จะเป็นคำนิยามที่ดูน่าสนใจแค่ไหน แต่หากไม่สามารถตอบได้ว่าปัญหาที่แท้จริงที่ Metaverse พยายามแก้ให้แก่ผู้ที่จะเข้ามาใช้บริการอยู่ตรงไหน มันจึงไม่ต่างอะไรจากเทรนด์ที่ผ่านมาแล้วอาจจะผ่านหายไปสักระยะเวลาหนึ่ง จนกว่าปัญหาจริงๆ จะเกิด เราจึงจะหยิบโซลูชันอย่าง Metaverse เข้ามาช่วยอีกที หรือไม่ก็อาจจะไปแล้วไปลับก็ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน ณ ตอนนี้ Metaverse ยังไม่สามารถพิสูจน์จุดยืนของตัวเองได้อย่างมั่นคง นอกจากการวางตัวเองให้อยู่ในอุตสาหกรรมเกมและสังคมออนไลน์รูปแบบหนึ่ง ที่ไม่ได้เด่นไปด้านใดด้านหนึ่งอย่างชัดเจนนัก
บริษัทหลากหลายบริษัทพยายามนำ Metaverse เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งเพื่อเป็นกิมมิกในการทำธุรกิจ การโฆษณา รวมไปถึงการขยาย Ecosystem โดยส่วนใหญ่นั้นไม่ได้มีจุดยืนทางด้านนวัตกรรมที่แตกต่างและโดดเด่นอย่างบริษัท Meta ที่กำลังดำเนินการอยู่ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงความคิดเห็นหนึ่งที่ผู้เขียนได้ขบคิดออกมาจากข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน
เรายังคงต้องติดตามกันต่อว่าท้ายที่สุดแล้ว Metaverse จะกลายเป็นระบบที่จะมาเปลี่ยนสังคมออนไลน์อย่างที่ว่าไว้ หรือเป็นเพียงหนึ่งสีสันที่หอมหวานแค่ชั่ววูบ
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP