เมื่อวานนี้ (26 ม.ค.) ทั้งโลกจับตาไปที่การประชุม World Economic Forum (WEF) ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากโดนัลด์ ทรัมป์กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกในรอบ 18 ปีที่เข้าร่วมการประชุม WEF นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีบิล คลินตันเข้าร่วมการประชุมในปี 2543
สำนักข่าว CNBC รายงานว่า ผู้ฟังทั้งห้องประชุมอยู่ในสภาวะ ‘พร้อมที่จะกัด’ (ready to bite) หรือเตรียมที่จะโห่เต็มที่ เพราะเชื่อว่าทรัมป์น่าจะพูดในสิ่งที่ฟังไม่ขึ้น หรือลั่นวาจาโผงผางอย่างที่เห็นกันบ่อยๆ ในเวทีอื่น
แต่ผลกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เพราะทรัมป์มีท่าทีที่สงบและนิ่ง แม้ว่าเขาจะโจมตีสื่อ อีกครั้งว่ารายงาน ‘ข่าวปลอม’ ในช่วงถามตอบหลังจากการกล่าวสุนทรพจน์ จนทำให้ผู้ฟังในห้องประชุมบางส่วนไม่พอใจและตะโกนโห่ แต่นายโทนี แฟรตโต (Tony Fratto) อดีตเลขานุการฝ่ายสื่อมวลชนแห่งทำเนียบขาวสหรัฐฯ ก็มองว่า ทรัมป์ได้เล่าเรื่องดีๆ ของสหรัฐฯ สู่ประชาคมโลก
เรื่องราวๆ ดีของสหรัฐฯ ที่ทรัมป์พูดถึงคือ การกล่าวว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งได้ช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก อีกทั้งยังได้เชิญชวนนานาชาติมาลงทุนในสหรัฐฯ อีกด้วย
“โลกกำลังได้สัมผัสกับการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งและรุ่งเรืองของสหรัฐฯ ตอนนี้สหรัฐฯ เปิดกว้างสำหรับการทำธุรกิจ และเราพร้อมแล้วที่จะมีความสามารถในการแข่งขันอีกครั้ง”
ทรัมป์ยังกล่าวอีกด้วยว่า มาตรการปฏิรูปภาษีของเขาได้ทำให้บริษัทสหรัฐฯ กลับมาลงทุนในประเทศ และสหรัฐฯ เป็นที่น่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับนักลงทุนต่างชาติ หลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในปีที่แล้ว
คีย์เวิร์ดสำคัญที่สุดของสุนทรพจน์ในครั้งนี้คือการกล่าวว่า ประโยค ‘อเมริกาต้องมาก่อน’ (America First) ไม่ได้หมายความว่า ‘ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว’ (America Alone)
“อเมริกาต้องมาก่อน ไม่ได้หมายความว่าอเมริกาต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว เพราะเมื่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขยายตัว เศรษฐกิจโลกก็ขยายตัวเช่นกัน”
ทรัมป์ยังกล่าวโจมตีรูปแบบการค้าแบบ ‘นักล่า’ (predatory) และเตือนคู่ค้าว่า สหรัฐฯ จะไม่ทนต่อการค้าที่ไม่เป็นธรรมอีกต่อไป
อย่างไรก็ดี สุนพรพจน์การเชิญชวนต่างชาติมาลงทุนของทรัมป์เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากที่สหรัฐฯ เพิ่งจะประกาศเก็บภาษีเพิ่มแผงพลังงานแสงแดด หรือ Solar Panels และเครื่องซักผ้ากว่า 50% เพื่อสกัดสินค้าจากต่างชาติเข้ามาแข่งขันในอเมริกา โดยเฉพาะจากจีนและเกาหลีใต้ ซึ่ง สตีเวน มนูชิน (Steven Mnuchin) รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ที่อยู่ที่เมืองดาวอสเช่นกันเตือนว่า มาตรการเรื่องการตั้งกำแพงภาษีจะมีมากกว่านี้แน่นอน
อ้างอิง: