เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลี ทุจ รองประธานคนแรกของสำนักปฏิบัติการทุ่นระเบิดและการช่วยเหลือผู้เสียหายแห่งกัมพูชา เผยว่ากัมพูชากำลังเสาะหาเงินทุนประมาณ 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.24 พันล้านบาท) เพื่อใช้กำจัดทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดตกค้างจากสงคราม (ERW) ทุกประเภทในประเทศ ภายในปี 2025
ทุจกล่าวว่ากัมพูชากำจัดพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดตกค้างจากสงคราม 2,410 ตารางกิโลเมตร ตั้งแต่ปี 1992 จนถึงปัจจุบัน อีกทั้งทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคลกว่า 1.1 ล้านชิ้น ทุ่นระเบิดทำลายยานพาหนะมากกว่า 26,000 ชิ้น และวัตถุระเบิดตกค้างจากสงครามเกือบ 3 ล้านชิ้น ทว่ากัมพูชายังคงต้องกำจัดพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดที่เหลืออีก 716 ตารางกิโลเมตร
ทุจแถลงข่าวเรียกร้องชาวกัมพูชาบริจาคเงินให้ ‘โครงการจัดการทุ่นระเบิดสมเด็จ เดโช’ (Samdech Techo Project for Mine Action) เพื่อกำจัดทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดตกค้างจากสงครามในประเทศภายในปี 2025 โดยขณะนี้กัมพูชาต้องการงบประมาณอย่างน้อย 90 ล้านดอลลาร์เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว
นอกจากนั้น ทุจระบุว่าสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา จัดตั้งโครงการข้างต้นเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา และระดมทุนจากผู้บริจาคในท้องถิ่นได้กว่า 15 ล้านดอลลาร์ (ราว 540 ล้านบาท) แล้ว พร้อมเสริมว่าทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดตกค้างจากสงครามทำให้ชาวกัมพูชาเสียชีวิตและบาดเจ็บเกือบ 65,000 ราย นับตั้งแต่ปี 1979
ทั้งนี้ สงครามและความขัดแย้งภายในประเทศส่งผลให้กัมพูชากลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดตกค้างจากสงครามมากที่สุดในโลก โดยในช่วงที่เกิดความขัดแย้งยาวนาน 3 ทศวรรษที่สิ้นสุดในปี 1998 มีทุ่นระเบิดและอาวุธอื่นๆ ถูกทิ้งไว้ในกัมพูชาราว 4-6 ล้านชิ้น
อนึ่ง ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยเยล ระบุว่าสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดราว 230,516 ลูก ในพื้นที่ 113,716 จุดทั่วกัมพูชา ระหว่างปี 1965-1973
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่ามา แถลงการณ์จากโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ในกัมพูชา กล่าวว่าชาวกัมพูชาเกือบ 1 ล้านคนยังเผชิญความเสี่ยงจากการใช้ชีวิต และทำงานในพื้นที่ที่มีทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดตกค้างอยู่ โดยอาวุธที่เหลือจากสงครามเหล่านี้ได้ขัดขวางการฟื้นตัวและการพัฒนาของกัมพูชาอย่างรุนแรง ทั้งตีกรอบการดำรงชีวิตในชุมชนชนบทของผู้คน
อ้างอิง:
- สำนักข่าวซินหัว