วานนี้ (4 กรกฎาคม) รัฐบาลออสเตรเลียประกาศยุติข้อกำหนดให้นักเดินทางจากต่างประเทศแสดงสถานะการฉีดวัคซีนโรคโควิด
โดยเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา แคลร์ โอนีล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายใน และ มาร์ก บัตเลอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของออสเตรเลีย ประกาศว่านักเดินทางที่เดินทางเข้าประเทศจะไม่ต้องกรอกข้อมูลระบบประกาศผู้โดยสารดิจิทัล (DPD) เพื่อแจ้งสถานะการฉีดวัคซีนอีกต่อไป เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (6 กรกฎาคม)
การยกเลิกข้อกำหนดดังกล่าวนับเป็นการยุติข้อจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศทั้งหมดของออสเตรเลียที่บังคับใช้มานานกว่า 2 ปี ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด
โอนีลกล่าวในแถลงการณ์ว่า ท่าอากาศยานของออสเตรเลียจะพลุกพล่านยิ่งขึ้น เนื่องจากประชาชนจะเดินทางระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และความสามารถจัดการความเสี่ยงของโรคโควิดก็ดียิ่งขึ้น พร้อมเสริมว่าการยกเลิกข้อจำกัดเหล่านี้ไม่เพียงลดความล่าช้าในท่าอากาศยานเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นให้นักเดินทางและแรงงานฝีมือเลือกออสเตรเลียเป็นจุดหมายปลายทางมากขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ดี นักเดินทางที่บินเข้าออสเตรเลียทุกคนจะยังคงถูกกำหนดให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดระยะเวลาบนเที่ยวบินต่อไป
ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าวมีขึ้นขณะจำนวนผู้ป่วยโรคโควิดในออสเตรเลียยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเช้าวานนี้ ออสเตรเลียรายงานพบผู้ป่วยโรคโควิดเพิ่มมากกว่า 25,000 ราย และมีผู้เสียชีวิต 25 ราย ซึ่งอยู่ในรัฐวิกตอเรีย 24 ราย และรัฐนิวเซาท์เวลส์ 1 ราย
บัตเลอร์ระบุว่า จำนวนผู้ป่วยจะยังคงเพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้าอย่างค่อนข้างชัดเจน ซึ่งเพิ่มแรงกดดันแก่โรงพยาบาลต่างๆ ที่มีผู้ป่วยโรคโควิดมากกว่า 3,000 รายในปัจจุบัน โดยออสเตรเลียยังคงพบผู้ป่วยเสียชีวิตราว 300 รายต่อสัปดาห์ และยังคงเผชิญการระบาด ดังนั้น เขาจึงสนับสนุนการฉีดวัคซีนโดสที่ 3 ต่อไป
อ้างอิง:
- สำนักข่าวซินหัว