แม้ว่าผู้ที่มีบทบาทหลักต่อดีลการซื้อกิจการ 3BB และหน่วยลงทุนของ JASIF จะเป็น บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ในฐานะผู้ซื้อ และ บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ในฐานะผู้ขาย แต่ดูเหมือนว่าหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จนราคาหุ้นวิ่งขึ้นร้อนแรงในวันนี้ (4 กรกฎาคม) จะกลายเป็น บมจ.โมโน เน็กซ์ (MONO) และ บมจ.จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น (JTS) ซึ่งระหว่างวันราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 25% และ 16% ตามลำดับ ก่อนที่ราคาของทั้งสองบริษัทจะอ่อนตัวลงมา โดย MONO ปิดที่ 1.70 บาท ลดช่วงบวกลงมาเหลือเพียง 2.4% ส่วน JTS ปิดที่ 140.50 บาท เพิ่มขึ้น 12.8%
ทั้ง MONO และ JTS เชื่อมโยงกับดีลขาย 3BB ผ่านทาง JAS โดยในส่วนของ MONO แม้ว่าจะไม่ได้มี JAS เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 คือบุคคลเดียวกัน คือ พิชญ์ โพธารามิก ขณะที่ JTS มีผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 คือ JAS ในสัดส่วน 32.8% ขณะเดียวกันก็มีพิชญ์ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 อยู่ด้วยเช่นกัน
ประเด็นหนึ่งที่ตลาดตั้งคำถามกันขึ้นมาคือ เมื่อ JAS ตัดสินใจขายธุรกิจหลักอย่างอินเทอร์เน็ตบ้าน 3BB รวมถึงหน่วยลงทุนใน JASIF ทิ้งไปแล้ว เงินที่ได้จากการขายกว่า 3.2 หมื่นล้านบาทในครั้งนี้จะนำไปลงทุนอะไรต่อ
หากดูจากโครงสร้างธุรกิจของ JAS ปัจจุบัน เท่ากับว่า JTS ซึ่งรุกธุรกิจขุด Bitcoin อย่างเต็มตัว จะกลายเป็นธุรกิจหลักของ JAS ไปโดยปริยาย ในขณะที่ MONO ก็จะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจหลักที่พิชญ์ยังเหลืออยู่ในมือ
ในมุมมองของ วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัย บล.บัวหลวง ประเมินว่า การจะเข้าไปไล่ราคาหุ้นของ MONO และ JTS ที่วิ่งขึ้นมาแล้ว ค่อนข้างเสี่ยง เพราะขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ จากทาง JAS และยังไม่รู้ว่าเงินที่ได้จากการขายธุรกิจครั้งนี้ ซึ่งหลังจากนำไปคืนหนี้ราว 7 พันล้านบาท หลังจากนั้นบริษัทจะทำอย่างไรต่อกับเงินก้อนที่เหลือ
ตอนนี้อาจมองได้เป็น 2 มุม มุมแรกคือ คาดหวังว่าจะเห็นการขยายธุรกิจในเครือเพิ่มหลังจากที่ได้เงินเข้ามา รวมทั้งการร่วมธุรกิจกับ AIS เพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งอาจทำให้บริษัทขยายฐานผู้ชมเข้าไปยังฐานลูกค้าของ AIS ได้ แต่ในอีกมุมหนึ่งคือ ความเสี่ยงจากการที่ MONO เคยพ่วงอยู่กับ 3BB แต่เมื่อไปอยู่ในมือ AIS ซึ่งมี AIS PLAY อยู่แล้ว MONO ก็อาจจะไม่ได้พ่วงไปกับ 3BB อีกแล้ว
“วันนี้ตลาดน่าจะเลือกมองในมุมแรก แต่โดยส่วนตัวแล้วมองในมุมหลังมากกว่า หากเป็นนักลงทุน การที่ราคาขึ้นมาขนาดนี้ ความคาดหวังควรจะชัดเจนกว่านี้ เช่น JAS ออกมาแถลงแล้วว่าจะทำอะไรต่อหลังจากนี้”
ส่วนแนวโน้มธุรกิจของ MONO ปีนี้น่าจะฟื้นตัวได้ตามอุตสาหกรรม บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อน เมื่อดูจากรายได้ไตรมาสแรกที่ทำได้ 512 ล้านบาท ก็มีแนวโน้มว่าจะบรรลุเป้าได้ ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องติดตามคือแผนที่บริษัทจะเพิ่มสัดส่วนเนื้อหาที่ผลิตเอง จากเดิมที่ระดับ 5% ว่าจะทำได้ดีขึ้นมาก-น้อยเพียงใด
ส่วนธุรกิจขุด Bitcoin ของ JTS ในส่วนของจุดคุ้มทุนน่าจะต้องเห็นราคา Bitcoin อยู่ในระดับ 30,000 ดอลลาร์ขึ้นไป แต่ปัจจุบันราคา Bitcoin อยู่ที่เพียง 20,000 ดอลลาร์ ทำให้ JTS ยังมีความเสี่ยงจากส่วนนี้กดดันอยู่ด้วย
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP