วานนี้ (13 มิถุนายน) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากกรณีการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา กรมการแพทย์ยืนยันจุดยืนการใช้ประโยชน์จากสารสกัดกัญชาในทางการแพทย์เท่านั้น ไม่ใช้ในเรื่องสันทนาการ เนื่องจากสารสกัดกัญชามีทั้งคุณประโยชน์และข้อควรระวัง ซึ่งต้องอยู่ภายใต้การดูแลและคำแนะนำของแพทย์ อีกทั้งเน้นย้ำการใช้สารสกัดกัญชาในทางการแพทย์ให้เป็นทางเลือกรองจากการรักษาเท่านั้น ซึ่งต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและประโยชน์ของผู้ป่วยเป็นสำคัญ
โดยกระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายให้โรงพยาบาลเปิดคลินิกกัญชาทางการแพทย์แบบบูรณาการทั้งแผนไทยและแผนปัจจุบัน รวมถึงการจัดอบรมให้ความรู้กับแพทย์ เภสัชกร พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ในการใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ในการดูแลผู้ป่วยอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งติดตามผลการรักษาและผลข้างเคียงจากการใช้สารสกัดกัญชาในผู้ที่ป่วยด้วยโรคต่างๆ เช่น ภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด, โรคลมชักที่รักษายาก, ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งในผู้ป่วยปลอกประสาทเสื่อมแข็ง, ภาวะปวดประสาทส่วนกลาง
ด้าน นพ.มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการแพทย์ได้มีมาตรการเฝ้าระวังภาวะเสพติดกัญชาด้วยตนเอง โดยสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) ได้จัดทำ Official LINE ‘ห่วงใย’ เพื่อให้ผู้ใช้สารสกัดกัญชาสามารถประเมินการเสพติดกัญชาได้ด้วยตนเอง รวมถึงได้จัดสายด่วน 1165 ในการคำแนะนำ ตอบข้อซักถามเกี่ยวกับยาเสพติด รวมถึงสารสกัดกัญชาไว้ด้วยแล้ว