วัฒนา โชคสุวณิช กรรมการคณะกรรมการการท่องเที่ยวคุณภาพสูง หอการค้าไทย และนายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจเรือสำราญไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจเรือสำราญไทย จัดสัมมนาออนไลน์ เรื่อง การท่องเที่ยวเรือสำราญ โอกาสและความพร้อมของไทย ในมุมมองผู้ประกอบการเรือสำราญนานาชาติ โดยเชิญผู้มีประสบการณ์จริงในธุรกิจเรือสำราญที่อยู่ในห่วงโซ่ธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ มาแชร์ความคิดเห็นในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเรือสำราญที่สำคัญของเอเชีย
โดยในงานดังกล่าวได้มีนักธุรกิจผู้มีประสบการณ์ตรงในการบริหารสายเรือสำราญระดับโลก Carnival Cruise Line และ Royal Caribbean Cruise Line ซึ่งเป็นสมาคมเรือสำราญนานาชาติที่มีสายเรือสำราญเป็นสมาชิกมากกว่า 90% และ ‘CLIA’ ผู้บริหารท่าเรือสำราญ Marina Bay Cruise Centre (MBSCC) จากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทสถาปนิกที่พัฒนาโครงการท่าเรือสำราญสำคัญๆ มาแล้วเกือบทั่วโลก และ Bermello Ajamil (BA) รวมทั้ง Regional Director จากบริษัท Destination Asia ซึ่งเป็นตัวแทนการท่องเที่ยวเรือสำราญในหลายประเทศเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความเห็น
“การสัมมนานี้ถือเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนความเห็นถึงความพร้อมและโอกาสของประเทศไทย ในการขับเคลื่อนสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลที่สำคัญของเอเชีย เช่น การพัฒนาท่าเรือต้นทาง (Home Port) การเลือกที่ตั้งของท่าเรือต้นทาง การกำหนดขนาดของท่าเรือและอาคารผู้โดยสาร ซึ่งเมืองท่าต้นทางต้องมีอัตลักษณ์ มีความโดดเด่น สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวอย่างเห็นได้ชัด และต้องการผู้ที่มีความรู้จริง มีประสบการณ์ในการพัฒนาท่าเทียบเรือสำราญมาอย่างมากมาย เพื่อให้ท่าเรือสำราญของไทยสามารถรองรับเรือสำราญทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างน้อยอีก 10-20 ปี” วัฒนากล่าว
สำหรับการท่องเที่ยวเรือสำราญในประเทศไทยนั้น จังหวัดภูเก็ตมีเรือสำราญเข้ามาท่องเที่ยวกว่า 200 เที่ยวเรือในปี 2561 เป็นลำดับที่ 7 ในขณะที่ภูเก็ตยังไม่มีท่าเทียบเรือสำราญและอาคารผู้โดยสารที่ได้มาตรฐาน การสร้างท่าเรือสำราญที่พัทยาจะทำให้การเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ รวดเร็วและสะดวกมากยิ่งขึ้น จากรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน จากโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งที่รัฐบาลได้วางเอาไว้แล้ว
ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 3 ของประเทศที่มีเรือสำราญเข้ามาท่องเที่ยวมากที่สุดของเอเชีย ทำให้เห็นได้ว่าเมืองท่าเรือสำราญของไทยได้รับความสนใจและการยอมรับจากสายเรือสำราญอยู่แล้ว การสร้างความร่วมมือกับสายการเดินเรือสำราญในการพัฒนาเมืองท่าเรือสำราญ จะทำให้ประเทศไทยสามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดมากยิ่งขึ้น นำรายได้จากการท่องเที่ยวที่ได้จากปริมาณและคุณภาพของนักท่องเที่ยวเรือสำราญ บรรลุเป้าหมายในการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พ.ศ. 2561-2580 ได้อย่างเป็นจริง
“งานสัมมนาในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยผู้ที่เกี่ยวข้องของแต่ละฝ่ายจะนำข้อมูลที่ได้รับไปวิเคราะห์ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลที่สำคัญของเอเชีย ให้เกิดขึ้นจริงในอนาคตอันใกล้นี้” วัฒนากล่าว