วันนี้ (23 พฤษภาคม) ที่คลองลาดพร้าว เขตลาดพร้าว ชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ว่าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) พร้อมด้วย วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคก้าวไกล ลงพื้นที่คลองลาดพร้าวร่วมกัน เพื่อตรวจสอบสาเหตุปัญหาน้ำท่วม ซึ่งครั้งนี้เป็นการลงพื้นที่สำรวจปัญหาของประชาชนครั้งแรกของชัชชาติ หลังจากที่มีคะแนนนำเป็นอันดับ 1 จากการลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.
ชัชชาติกล่าวว่า แม้ยังไม่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อย่างเป็นทางการ แต่ปัญหาน้ำท่วมถือเป็นปัญหาเร่งด่วน และจุดที่มีปัญหามากที่สุดคือ คลองลาดพร้าว และคลองบางบัว ในเรื่องของการระบายน้ำ ซึ่งจะมีความเชื่อมโยงกับพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้ง 4 เขต ประกอบด้วย เขตลาดพร้าว จตุจักร วังทองหลาง และห้วยขวาง ซึ่งทั้ง 4 เขตเป็นพื้นที่ของสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย จึงเชิญมาพูดคุยปัญหาร่วมกัน และจะนำปัญหาอื่นมาปรับทำเป็นนโยบายด้วย
สำหรับการลงพื้นที่ร่วมกันถือเป็นนิมิตใหม่ที่ดี เพราะสุดท้ายต้องร่วมมือกันเพื่อประโยชน์ของประชาชนในเขต หลังจากนี้หากพื้นที่ใดมีปัญหาก็จะเชิญ ส.ก. พื้นที่นั้นมาร่วมแก้ปัญหาด้วย เพราะเขาจะเข้าใจปัญหาพื้นที่ดี และช่วงเย็นวันนี้จะลงพื้นที่คลองเตย ซึ่งเป็นพื้นที่ของ ส.ก. กลุ่มรักษ์กรุงเทพ จะเชิญมาหารือร่วมกัน เพราะอยากเห็นกรุงเทพฯ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เห็นแตกต่างกันได้ แต่อย่าทะเลาะกัน ควรตั้งหน้าตั้งตาทำเพื่อประชาชน
อย่างไรก็ตามการลงพื้นที่ในวันนี้ ชัชชาติได้นำแผนที่ทั้ง 4 เขตมาด้วย เพื่อแจก ส.ก. ก่อนหารือร่วมกันว่า มีปัญหาในจุดใดเพื่อนำมาเสริมนโยบายรายเขตที่มีอยู่แล้ว
ส่วน 12 นโยบายที่วิโรจน์ฝากไว้ ชัชชาติกล่าวว่า ตนจะนำมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติ เพราะถือว่าเป็นนโยบายที่ดี และหลังจากนี้จะประเมินปัญหาเร่งด่วน เพื่อที่จะลงพื้นที่แก้ไขปัญหาไหนก่อนหลัง ก่อนจะย้ำว่าไม่มีเวลาฮันนีมูน ต้องเริ่มทำงานเลย
ชัชชาติกล่าวว่า สำหรับคลองลาดพร้าวปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากผู้รับเหมาทิ้งงานสร้างคันกั้นน้ำ และทำให้ไม่สามารถขุดลอกคลองได้ ตลิ่งพัง ดังนั้นขบวนการสร้างคันกั้นน้ำต้องไปพิจารณาว่า จะยกเลิกผู้รับเหมาหรือหาวิธีการอย่างไรให้สามารถสร้างได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงไปบริหารจัดการแก้มลิงรองรับน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้าน รวมถึงจะมีการดูแลคุณภาพของน้ำในคลองด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีโอกาสหรือไม่ที่จะเชิญวิโรจน์มาเป็นทีมบริหารของผู้ว่าฯ กทม. ทั้งตำแหน่งรองผู้ว่าฯ หรือที่ปรึกษาหรือไม่ ชัชชาติระบุว่า เป็นการพูดคุยเรื่องเทคนิคและนโยบายมากกว่า ส่วนตัวเชื่อว่าวิโรจน์ไปได้อีกไกล ไม่ใช่แค่รองผู้ว่าฯ
ขณะที่วิโรจน์กล่าวว่า วันนี้ตั้งใจลงมาช่วยในเชิงนโยบาย และปกติก็จะพูดคุยกับชัชชาติในเชิงนโยบายเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่จะทำให้บ้านเมืองเราดีขึ้น บรรยากาศวันนี้ที่มาเจอกันเป็นเพราะความคิดถึง ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมาเจอกันแค่บนเวทีดีเบต
ส่วนกรณีการทำงานร่วมกับ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. จากพรรคประชาธิปัตย์ ชัชชาติยอมรับว่ามีการพูดคุยกัน ซึ่งสุชัชวีร์ยืนยันว่าพร้อมร่วมมือกัน หากพื้นที่ใดเป็นของ ส.ก. พรรคประชาธิปัตย์จะเชิญมาพูดคุย พร้อมยืนยันว่านโยบายของผู้สมัครท่านใดที่มีประโยชน์ก็จะนำมาปรับใช้
ชัชชาติยังกล่าวถึงกรณีป้ายหาเสียงที่ประชาชนหลายคนไปตระเวนเก็บเพื่อนำไปทำกระเป๋า ว่าป้ายของตนก็เหมือนป้ายของทุกคน ซึ่งมีการนำไปรีไซเคิลทำเป็นที่กันแดด หลังจากเสร็จสิ้นการเลือกตั้งป้ายก็เป็นขยะ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ที่คนมอง แต่ทางทีมงานก็ไล่เก็บป้ายหาเสียงอยู่ในขณะนี้ แต่ไม่ค่อยมีเหลือให้เก็บแล้ว
ส่วนกรณีที่มีคนนำเรื่องหาเสียงไปร้องเรียนเพื่อไม่ให้มีการรับรองเป็นผู้ว่ากรุงเทพฯ นั้น ก็ต้องเคารพคนที่ไปร้อง แต่เรามีการคิดเรื่องนี้มานานแล้ว และมองว่าป้ายหาเสียงของทุกคนก็เหมือนกัน ทั้งนี้ ตนไม่เคยบอกว่าหากเลือกตนแล้วให้เอาป้ายหาเสียงของตนไป ซึ่งตนไม่ทราบว่ามีประเด็นใดด้านกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ชัชชาติระบุว่า ไม่ต้องกังวลว่าเรื่องนี้จะทำให้การดำรงตำแหน่งผู้ว่ากรุงเทพฯ จะสะดุดลง เพราะทีมกฎหมายคิดไว้แล้ว พร้อมระบุว่าสิ่งที่สามารถนำมารีไซเคิลได้ควรจะได้รับการสนับสนุนเพื่อลดโลกร้อน และเป็นนโยบายของทาง กกต. ด้วย และการนำสิ่งของไปใช้ใหม่ไม่ใช่เรื่องที่น่ารังเกียจ และไม่เกี่ยวข้องกับการจะตัดสินใจโหวตหรือไม่โหวตให้ใคร