“เชื่อมั้ยว่าเราเคยเป็นคนที่ไม่ชอบโยคะเลย เราชอบกีฬาหนักๆ เหงื่อเยอะๆ ยกเวต วิ่ง ปั่นจักรยาน เมื่อก่อนคิดว่าโยคะต้องคนตัวอ่อนเท่านั้นถึงจะเล่นได้” แพร-ณัชชา หมู่ธนะกิจภิญโญ เจ้าของ ‘Atha Lifestyle’ (อฐ ไลฟ์สไตล์) สตูดิโอโยคะแห่งใหม่ใจกลางสุขุมวิท บอกกับเราระหว่างพาเดินชมภายในสตูดิโอ 

 

จริงๆ แล้วเธอไม่อยากให้มองว่าที่นี่เป็นฟิตเนสสตูดิโอ แต่มันคือ ‘Sanctuary Space’ ที่ใครก็สามารเข้ามาฮีลร่างกาย ปลอบประโลมจิตใจ โดยมี ‘ท่วงท่าของโยคะ’ เป็นตัวกลาง  

 

แพร-ณัชชา หมู่ธนะกิจภิญโญ เจ้าของ ‘Atha Lifestyle’ (อฐ ไลฟ์สไตล์)

 

“จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นช่วงที่เราออกกำลังกายหนักมาก 7 วันไม่พักเลย ร่างกายเริ่มไม่ไหว เทรนเนอร์แนะนำให้ลองเล่นกีฬาเบาๆ สลับในวันที่ต้องพักแต่ไม่อยากพัก งั้นคงต้องเล่นโยคะ แรกๆ ไม่อินแต่ก็คิดซะว่าเป็นวันยืดร่างกายไปแล้วกัน แต่จุดที่ทำให้เปิดใจคือ มีโอกาสไปลงเรียนคลาสไพรเวตที่เกาะยาวน้อย มุมมองต่อโยคะเปลี่ยนไปเลย อาจจะด้วยวิธีการสอนของครู ทำให้เราเข้าใจว่าโยคะมีหลายประเภท มีทั้งท่าที่เล่นแล้วเหนื่อยเหมือนไปวิ่งมา หรือท่าที่หนักปานกลางเน้นกล้ามเนื้อ ท่าเบาๆ แค่ยืดเหยียดก็มี และอีกประเภทที่เราชอบมากๆ คือโยคะที่มันทำงานกับจิตใจ ทำให้เราเรียนรู้ที่จะยอมรับตัวเอง อยู่กับตัวเองในปัจจุบัน ไม่เห็นจำเป็นต้องท่าเป๊ะหรือเล่นท่ายากเหมือนคนอื่นๆ สิ่งสำคัญคือ ถามตัวเองว่าเป้าหมายการเล่นโยคะของเราคืออะไร วันนี้ร่างกายพร้อมที่สุดแค่ไหน แล้วเล่นไปตามฟังก์ชันของร่างกายและจิตใจ” 

 

พอเปิดใจและปล่อยให้โยคะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจที่จะส่งต่อแนวคิดนี้ให้กับคนที่ยังไม่เคยสัมผัสโยคะในแบบที่เธอได้สัมผัส “คนอาจคิดว่าโยคะคือการเล่นอยู่บนเสื่อโยคะแล้วทำท่าทางต่างๆ แต่จริงๆ แค่หายใจหรือโฟกัสกับสิ่งๆ หนึ่งนั่นก็คือโยคะแล้ว”

 

ความไม่สมบูรณ์แบบคือความงามที่แท้จริง

“คอนเซ็ปต์ของ Atha Lifestyle ไม่ใช่สตูดิโยคะจ๋าๆ เราต้องการให้มันเป็น Sanctuary Space สำหรับทุกคน คุณไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ ไม่ต้องตัวอ่อน ต้องผอม ท่าต้องเป๊ะ ทุกคนมาเริ่มต้นด้วยกันที่นี่ได้ นั่นคือสิ่งที่เราอยากสื่อสารออกไปจากความเชื่อของแบรนด์ อฐ “Imperfection is the truest beauty. ความไม่สมบูรณ์แบบคือความสวยงามที่แท้จริง เราต้องการบอกทุกคนว่า ภายใต้ความไม่สมบูรณ์แบบมันคือความงดงามของคุณนะ ไม่ต้องเพอร์เฟกต์ เพราะเราคือเรา เราต้องหาจุดแข็งของตัวเองให้เจอและทำต่อไป 

 

“อีกสิ่งคือ เราตั้งใจทำให้ทุกคนเข้าถึงโยคะได้ง่ายที่สุด ในที่นี้หมายถึงการสื่อสารด้วย สังเกตว่า Atha Lifestyle ไม่มีชื่อคลาสที่เป็นภาษาอินเดีย เราเลือกใช้คำที่เข้าใจง่าย และเป็นคำที่อธิบายได้ว่าเมื่อคุณเข้าคลาสนี้คุณจะได้อะไรกลับไป” 

 

What do you want?

ทำไมต้องมีเซสชันให้คำปรึกษาก่อนเริ่มเรียน เราถามเธอด้วยความสงสัยเมื่อเธอเล่าว่าทุกคนที่เข้ามาต้องคุยกับ ‘Atha Yoga Consultation’ 

 

“เพราะคุณต้องถามตัวเองก่อนว่า คุณต้องการอะไรจากการเล่นโยคะ เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนเลิกเล่นโยคะกลางคัน หรือมีทัศนคติที่ไม่ดีกับโยคะ อยากเล่นโยคะ ซื้อคลาส แต่ไม่รู้ว่าร่างกายเราเหมาะกับคลาสแบบไหน เพราะร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทุกคนมีจุดแข็งและจุดอ่อนที่ต่างกัน Atha Yoga Consultation จะพูดคุยกับคุณตั้งแต่ความต้องการ เป้าหมาย หรือมีจุดไหนในร่างกายที่กังวล เพื่อวิเคราะห์และแนะนำได้ว่าคุณควรเริ่มต้นจากตรงไหน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับร่างกายของคุณ ต้องฟังเสียงของร่างกายตัวเอง บางวันร่างกายพร้อมมาก ทำได้ทุกท่า วันต่อมาร่างกายอาจจะล้า บางท่าทำได้ไม่ดี ถามว่าเราเล่นแย่ลงมั้ย ก็ไม่ใช่ มันคือฟังก์ชันของร่างกายต่างหากที่ตอบสนองในแต่ละวันได้ไม่เท่ากัน”   

 

How do you feel today?

เมื่อได้รับคำแนะนำจาก Atha Yoga Consultation แล้วก็เลือกคลาสเรียนของ ‘อฐ’ โดยแบ่งเป็น Private Class, Semi-Private Class และ Group Class 

 

‘Private Class’ จะเป็นการฝึกแบบส่วนตัว เน้นการฝึกแบบ Tailor-made Class ครูผู้สอนจะดีไซน์คลาสให้ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้ฝึก หรือเป้าหมายที่นักเรียนตั้งไว้ 

 

“Semi-Private Class เป็นที่นิยมมาก เพราะสามารถชวนเพื่อนมาเล่นได้ 2-5 คน เลือกเวลาเรียนได้ เลือกผู้สอนได้ และสามารถให้ครูดีไซน์คลาสเรียนให้เหมาะกับตัวเองและเพื่อนได้ด้วย เหมาะกับยุคนี้ บางครั้งก็ต้องการทำกิจกรรมเฉพาะเพื่อนกลุ่มเล็ก” 

 

ส่วน Group Class มาพร้อมคอนเซ็ปต์ที่แปลกใหม่และชื่อคลาสที่นำ ‘Feel หรือความรู้สึก’ มาตั้ง เพราะเชื่อว่าร่างกายในแต่ละวันจะมีความรู้สึกที่ต่างกันไป นำไปสู่การออกแบบท่วงท่าให้เข้ากับ Feel เหล่านั้น ผู้เล่นสามารถเลือกเข้าคลาสได้ตามความรู้สึก 

 

“คอนเซ็ปต์คลาสจะเป็น Yoga Mood เราอยากให้คุณฟังเสียงของร่างกายตัวเองว่าวันนี้รู้สึกอย่างไร แบ่งเป็น 4 Feels คือ Feel Calm, Feel Good, Feel Active และ Feel Sweaty โดยที่แต่ละคลาสจะแบ่งเป็นเลเวล 1-3 ข้อดีคือ ผู้ฝึกสามารถเลือกฝึกได้ตามความต้องการอารมณ์ของคุณในแต่ละวัน และที่ทำให้คลาสไม่น่าเบื่อและรู้สึกสนุกคือ ครูฝึกแต่ละท่านจะดีไซน์คลาสของตัวเองให้เป็นไปตามชื่อคลาส เท่ากับว่าต่อให้คุณเข้าคลาส Feel Good เหมือนกัน แต่ฝึกกับครูคนละท่านก็จะได้ประสบการณ์และความรู้สึกที่ต่างไป”   

 

 

“คลาสที่เราคิดว่าเหมาะกับคนเมืองยุคนี้มากๆ คือ คลาส Sound Bath หรือการอาบคลื่นเสียง เป็นศาสตร์บำบัดที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยใช้คริสตัล โบวล์ (Crystal Bowl) หรือพลังจากหินคริสตัลมาช่วยบรรเลง ซึ่งเสียงและตัวโน้ตที่บรรเลงออกมาแต่ละตัวช่วยในการบำบัดความเครียด โดยที่คลื่นเสียงนั้นจะไปทำงานกับระบบประสาทในร่างกาย ทำให้เราค่อยๆ ปลดปล่อยความเครียดหรือความกังวลที่บางทีเรากดมันเอาไว้โดยไม่รู้ตัว” 

 

แพรบอกว่า โดยปกติแล้ว Sound Bath จะถูกรวมไว้ในคลาส Feel Clam โดยในคลาสจะทำ Yoga Slow Movement ประมาณ 45 นาที และ Sound Bath ประมาณ 15-30 นาที ทั้งนี้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามอารมณ์ของผู้เล่น หรือจะเลือกเข้าคลาสพิเศษที่มีเฉพาะ Sound Bath ก็ได้  

 

กลมกลืน ลื่นไหลไปกับธรรมชาติ

สิ่งที่ ‘อฐ’ ให้ความสำคัญไม่แพ้การออกแบบคลาสเพื่อให้สอดคล้องไปกับความรู้สึกของผู้เล่น เห็นจะเป็นการออกแบบสถานที่และสิ่งแวดล้อมที่เชื่อว่ามีผลอย่างมากต่อการเล่นโยคะ

 

“เป็นโจทย์ที่ท้าทายมาก คอนเซ็ปต์คือ ‘Imperfection is the truest beauty.’ ถ้าสังเกตอย่างกำแพงที่นี่จะเน้นการออกแบบให้โค้งมน ไม่เป็นกรอบกำแพงรูปแบบเดิม สื่อถึงความไม่สมบูรณ์แบบของธรรมชาติ แต่ก็ยังสะท้อนความงามได้เช่นกัน หรือการเลือกใช้โทนสีที่เน้นสีโทนอ่อน เลือกใช้พื้นไม้จริงเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ และออกแบบแสงทุกห้องให้ไม่รบกวนสายตาของผู้เล่น โค้งเพดานที่สูงให้ความรู้สึกโปร่งสบาย ทำให้ผู้เล่นกล้าที่หายใจลึกขึ้นและผ่อนคลายมากขึ้น

  

ห้อง Surya

 

“ไฮไลต์คือทางเข้าห้อง Surya ซึ่งเป็นห้องสตูดิโอหลักของเรา ดีไซน์ให้เหมือนทางเข้าถ้ำ เป็นเหมือน Transition Space ให้ผู้เล่นได้ปรับอารมณ์ ละทิ้งความเครียด ความรู้สึกลบๆ ก่อนเข้าสู่พื้นที่เล่นโยคะ เพื่อที่คุณจะได้ฝึกและรับพลังได้อย่างเต็มที่ 

 

“ทุกห้องที่ออกแบบเราต้องการให้สอดคล้องไปกับคลาสที่เรามี อย่างห้อง Surya ที่แปลว่าพระอาทิตย์ ห้องนี้จะเป็นกระจกสูงเพื่อเปิดรับพลังงานจากแสงอาทิตย์ ห้องนี้จึงเหมาะกับคลาส Feel Sweaty และ Feel Active หรือคลาสพิเศษต่างๆ ที่เน้นใช้พลัง ส่วนห้อง Chandra ที่แปลว่าพระจันทร์ จะเหมาะสำหรับคลาสที่เน้นการฝึกลมหายใจและสมาธิ อย่างเช่น Feel Good และ Feel Clam หรือคลาส Sound Bath ด้วยผนังของห้องที่ออกแบบให้มีความโค้งมนค่อนข้างเยอะ ทำให้เสียงสะท้อนในห้องดีที่สุด ส่วนห้องสุดท้าย Anata ที่แปลว่าศักยภาพที่ไม่มีที่สิ้นสุด ห้องขนาดเล็กเหมาะสำหรับคลาสไพรเวต  

 

ห้อง Chandra

 

“ถ้าสังเกตจะเห็นว่าสตูดิโอที่นี่ไม่มีกระจก เพราะเราไม่อยากให้ผู้เล่นยึดติด แทนที่คุณจะมองท่าทางตัวเองในกระจกและกังวลกับมัน หรือมัวแต่ไปเปรียบเทียบกับคนข้างๆ เราอยากให้คุณโฟกัสไปที่ความรู้สึกของร่างกายตัวเอง อยู่กับลมหายใจ อยู่กับสติ อยู่กับท่าทางที่คุณกำลังทำตอนนั้นมากกว่า”

  

 

Are You Hungry?

ยังไม่ทันถามว่าทำไมต้องมีคาเฟ่ แพรบอกทันทีว่า “Atha Café มาจากตัวเองเลยค่ะ เพราะจากประสบการณ์หลังออกกำลังกาย มันจะหิว (หัวเราะ) เลยอยากมีอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเตรียมไว้ให้สำหรับคนที่มาเล่นโยคะ นอกจากจะเลือกเมนูที่เราชอบและดีต่อสุขภาพ ยังมีชาที่เราคิดสูตรและเบลนด์เองอีกด้วย โดยคิดมาเพื่อให้เหมาะกับคลาสโยคะของเรา เช่น Peace of Pear เป็นชาเขียวที่ผสมผลไม้อย่างส้มและสับปะรด ซึ่งมีกลิ่นหอมและช่วยให้ความสดชื่น ได้แรงบันดาลใจมาจากคลาส Feel Sweaty ออกกำลังกายเสร็จก็ต้องดื่มอะไรที่สดชื่น”

 

 

เล่นโยคะไปเพื่ออะไร?

แพรเล่าถึงเสียงตอบรับว่า ลูกค้าส่วนหนึ่งเป็นลูกค้าที่ตามครูผู้สอนมาเล่น แต่กลุ่มที่เธอภูมิใจมากคือคนที่ไม่เคยออกกำลังกายเลยหรือไม่สนใจโยคะมาก่อนเลย แต่ชอบคอนเซ็ปต์ของ ‘อฐ’

“อยากให้ทุกถามตัวเองก่อนว่า เล่นโยคะไปเพื่ออะไร ลองดูคลาสออนไลน์แล้วทำตามก่อนก็เป็นวิธีเปิดใจที่ดี หรือถ้าอยากได้คำแนะนำก็อยากให้มาที่สตูดิโอ เราว่ายิ่งตอนนี้โยคะเหมาะกับคนเมืองมากๆ เพราะอย่างที่บอกโยคะมันทำงานกับจิตใจ ไม่อยากให้มองโยคะเป็นเรื่องออกกำลังกายเท่านั้น ยิ่งถ้าเทียบผลลัพธ์ โยคะอาจไม่เห็นผลเหมือนเล่นกีฬาอื่นๆ แต่โยคะจะค่อยๆ ทำงานไปกับจิตวิญญาญของคุณ เติบโตไปพร้อมกับคุณ

 

“โยคะมันจึงเป็นไลฟ์สไตล์”